สิงคโปร์สั่ง "เมตา" ต้องใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าในเฟซบุ๊ก แก้ปัญหามิจฉาชีพ

รัฐบาลสิงคโปร์ออกคำสั่งให้บริษัทเมตาต้องดำเนินมาตรการต่าง ๆ เช่น การใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า เพื่อแก้ปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ที่เกิดจากการปลอมแปลงตัวตนบนเฟซบุ๊ก ภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ ซึ่งนับเป็นคำสั่งครั้งแรกภายใต้กฎหมายใหม่ Online Criminal Harms Act (OCHA)
หากเมตาไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษปรับสูงสุดถึง 1 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 24.9 ล้านบาท และหากยังฝ่าฝืนต่อเนื่องหลังถูกตัดสินว่ามีความผิด อาจถูกปรับเพิ่มอีกสูงสุด 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อวัน (มากกว่า 2.4 ล้านบาท) สำหรับทุกวันที่ยังไม่แก้ไขปัญหา
เมตาไม่เพียงต้องติดตั้งระบบยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า แต่ยังต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อการตรวจสอบรายงานจากผู้ใช้ในสิงคโปร์ เพื่อจัดการโฆษณา บัญชีผู้ใช้ โปรไฟล์ และเพจธุรกิจที่ปลอมแปลงเป็นบุคคลระดับสูงในรัฐบาลสิงคโปร์
คำสั่งนี้ถูกประกาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ที่งาน Global Anti-Scam Summit Asia 2025 และออกมาในช่วงที่สิงคโปร์กำลังเผชิญกับปัญหาการหลอกลวงโดยมิจฉาชีพ ที่ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบนเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ระหว่างเดือนมิถุนายน 2024 ถึงมิถุนายน 2025 กระทรวงมหาดไทยและกองกำลังตำรวจสิงคโปร์พบว่า มีผู้ไม่หวังดีใช้วิดีโอหรือภาพของเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงในการสร้างโฆษณาหลอกลวงและบัญชีปลอมจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่สามารถระงับโฆษณาและบัญชีดังกล่าวได้กว่า 2,000 รายการ
เจ้าหน้าที่ระบุว่า เฟซบุ๊กเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ถูกมิจฉาชีพใช้ในการก่ออาชญากรรมประเภทนี้ การหยุดยั้งการแพร่กระจายของการหลอกลวงปลอมแปลงตัวตนเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อปกป้องประชาชนและรักษาความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลและสถาบันสาธารณะ
กระทรวงมหาดไทยยังกล่าวเพิ่มเติมว่ากำลังพิจารณาออกข้อบังคับในลักษณะเดียวกันกับแพลตฟอร์มออนไลน์อื่น ๆ ในอนาคต และจะมีการประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป พร้อมทั้งร่วมมือกับเมตาเพื่อนำมาตรการป้องกันการปลอมแปลงที่มีอยู่ทั่วโลกมาปรับใช้กับบุคคลสาธารณะคนอื่น ๆ ในสิงคโปร์ที่อาจตกเป็นเป้าของมิจฉาชีพ
ด้านเมตาเผยว่า บริษัทไม่อนุญาตให้มีการปลอมตัวหรือใช้บุคคลสาธารณะในการหลอกลวงเพื่อโฆษณา โดยบริษัทจะลบเนื้อหาเหล่านี้เมื่อพบเห็น และย้ำว่ามีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาระบบตรวจจับ รวมถึงการใช้ทีมงานตรวจสอบโดยตรง การให้คำแนะนำผู้ใช้เกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงกลโกง และการจัดหาเครื่องมือให้ผู้ใช้สามารถรายงานการละเมิดได้ และยังชี้ว่ามีการนำระบบการตรวจสอบผู้ลงโฆษณา (advertiser verification) มาใช้แล้ว และจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย รวมถึงดำเนินคดีกับกลุ่มอาชญากรผู้อยู่เบื้องหลังการหลอกลวงเหล่านี้ต่อไป
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
