SCGP บล.กสิกรฯมองเป็นกลาง แนะนำ “ถือ” เป้า 28 บ.
#SCGP #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์หุ้น SCGP โดย บล.กสิกรไทย
บล.กสิกรไทยได้เชิญทางผู้บริหาร SCGP มาร่วมให้ข้อมูล โดยรวมเรามีมุมมองเป็นกลาง คิดว่า in line กับที่คาดการณ์ไว้
SCGP ได้เข้าซื้อ Fajar มาตั้งแต่ปี 2562 และปี 2564 ได้มีการขยายกำลังการผลิตจาก 1.4 ล้านตัน เป็น 1.8 ล้านตัน มีโรงงาน 2 แห่งทางตะวันตกกับ ตะวันออกของ Indonesia โดยโรงงานเก่ารันอยู่ที่ 80% ส่วนโรงงานใหม่รันอยู่ที่ 50% ปัจจุบันงวด 9 เดือน 2567 ขาดทุนอยู่ 1.8 พันลบ. สาเหตุจาก oversupply และราคาขายที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอดีต มีปัญหาหลังจากที่จีนชะลอตัว
.
บริษัทได้ชี้แจงแผนการ turnaround Fajar โดยตั้งเป้า EBITDA breakeven ในไตรมาส 2 ปี 2568 ซึ่งแผนได้แก่
1. การลดต้นทุนพลังงานโดยใช้ถ่านหินมากขึ้น (ถูกกว่า gas 20-30%) และใช้สัดส่วนวัตถุดิบในประเทศให้มากขึ้นแทนการนำเข้า จาก 55% เป็น 60% (ต้นทุนในประเทศถูกกว่า 20-30%)
2. ทำ optimization โดย match ความต้องการของลูกค้ากับ product แต่ละเกรดให้ตรงกัน บางเกรดอาจจะส่งไปขายที่เวียดนามเพิ่มขึ้น
3. ทำ automation ลดต้นทุน fix cost
4. เพิ่มสัดส่วนการขายให้โรงงานผลิตกล่องกระดาษ ของตัวเอง
สำหรับปี 2568มองว่าต้นทุนไนไม่น่าขึ้น Trump มาน่าจะทำให้ต้นทุนพลังงานลดลง ส่วนต้นทุนกระดาษมองว่าไม่น่าแตกต่างจากปีนี้มากนัก
Valuation and Recommendation
"ถือ" ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท
สำหรับมุมมองไตรมาส 4เรามองว่าโดยรวม operation ดีขึ้น เห็นราคาขายขยับขึ้นเล็กน้อย ยอดขายปรับตัวขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล ต้นทุนลดลง คาดว่า GPM จะขยายตัวขึ้นทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตามได้ consolidate Fajar เข้ามาเต็ม 3 เดือนในไตรมาส 4 (จาก 1เดือนในไตรมาส 3) จึงมองว่าค่อนข้างจะยากที่กำไรจะดีกว่าไตรมาส 3 จึงคาดว่าจะยังมีความกังวลต่อมุมมองกำไรในอนาคตอยู่ในระยะสั้น จึงยังไม่น่าสนใจในมุมมองของเรา