รีเซต

บล.กสิกรฯมอง Trumphobia แนะ 5 หุ้นเด่นเชิงกลยุทธ์

บล.กสิกรฯมอง Trumphobia แนะ 5 หุ้นเด่นเชิงกลยุทธ์
ทันหุ้น
25 พฤศจิกายน 2567 ( 14:00 )
บล.กสิกรฯมอง Trumphobia แนะ 5 หุ้นเด่นเชิงกลยุทธ์

 

#หุ้นกลุ่มโรงกลั่น #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.กสิกรไทย

 

มองบวกอย่างระมัดระวัง

บล.กสิกรไทยเชื่อว่าสงครามการค้าอาจไม่เกิดขึ้นเร็วหลังทรัมป์ขึ้นรับตำแหน่ง และอาจไม่ได้ทำให้เงินเฟ้อพุ่ง อัตราดอกเบี้ยสูง และดอลลาร์แข็งค่าอย่างที่กลัวกัน

อย่างไรก็ตาม เรามีมุมมองบวกแบบระมัดระวัง เนื่องจากความไม่แน่นอนยังมีค่อนข้างสูงและupside การประเมินมูลค่าของ SET มีไม่มากนัก

บล.กสิกรไทยแนะนำกลยุทธ์การลงทุนแบบเน้นหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก ได้แก่ TASCO, CPALL, OSP, TIDLOR และ PR9

 

Key Highlights

ตลาดเผชิญความผันผวนสูงและให้ผลตอบแทนเป็นบวกเล็กน้อยในปี 2567 SET Index ผันผวนหนักในปี 2567 เริ่มจากเปิดต้นปีที่ 1,415 จุด ก่อนจะร่วงลงมาแตะระดับต่ำสุดที่ 1,273 จุดในช่วงเดือน ส.ค. จากความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ช้าและประเด็นปัญหาทางการเมืองในประเทศ แต่ SET Index สามารถพลิกฟื้นตัวขึ้นได้ หลังการเปลี่ยนผ่านเร็วของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย ประกอบกับแรงหนุนทางตัวเลขเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นกอปรกับสภาพคล่องที่เข้ามาช่วยหนุนจากกองทุนวายุภักษ์ โดย SET Index ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยที่ 2.2% YTD ต่ำกว่า ดัชนี MSCI ACWI ที่ 17.5% YTD

 

มองเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อในอัตราเร่งขึ้นในปี 2568

หากมองไปปี 2568 การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกคาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ราว 3% ขณะที่เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะขยายตัวในอัตราเร่งขึ้นที่ 3% ในปี 2568 เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ที่ 2.6% ในปี 2567 การฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศมองจะเป็นปัจจัยหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2568 ขณะที่ด้านการส่งออกยังมองเบื้องต้นว่าจะสามารถขยายตัวได้ตามอุปสงค์โลก แต่มีความเสี่ยงเชิงลบจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ในขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อของไทยอาจยังคงอ่อนแอ โดยคาดทรงตัวอยู่ที่ราว 1% ในปีหน้า ซึ่งน่าจะช่วยจำกัด downside risk ต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

 

ความเสี่ยงจากสงครามการค้าและการกลับตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร

เราตระหนักดีว่าตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้ารอบใหม่ ซึ่งอาจฉุดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและกระตุ้นให้เกิดเงินเฟ้อสูงขึ้น เป็นผลให้อาจนำไปสู่ภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวในระดับสูงเป็นเวลานาน ซึ่งจะส่งผลลบต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรดี เราเชื่อว่าสงครามการค้ารอบ 2 นี้จะไม่เกิดขึ้นเร็ว และเราประเมินว่าการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจะมีผลกระทบไม่มากต่อแรงกดดันเงินเฟ้อ อีกทั้งเชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจหันมาให้ความสำคัญเรื่องค่าเงินหรืออัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้นแทน ซึ่งหมายความว่า Fed มีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงต่อในปี 2568 และดอลลาร์สหรัฐฯ อาจแข็งค่าอย่างที่ตลาดกังวล อีกทั้งเราพบว่าการกลับตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรหรือ yield curve ที่ติดลบและกลับมาเป็นบวกได้นั้นไม่ได้นำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเสมอไป และข้อมูลในอดีตชี้หุ้นมักให้ผลตอบแทนได้ดี

 

Implication and Recommendation

กลยุทธ์การลงทุนผ่าสมรภูมิความกลัว Trumphobia

เราปรับเป้า SET Index สิ้นปี 2568 ลงจาก 1,610 จุด เป็น 1,520 จุด โดยอิงจากการคาดการณ์ EPS ปี 2568 เชิงอนุรักษ์นิยมมากขึ้นที่ 95 บาท บนการประเมินมูลค่าด้วย PER เฉลี่ยระยะยาวที่ 16 เท่า โดยเรามีมุมมองบวกอย่างระมัดระวัง แม้คาดเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทเติบโตได้ดีแต่มาจากฐานที่ต่ำในปี 2567 อีกทั้ง upside ต่อการมูลค่ามีไม่มาก ท่ามกลางความเสี่ยงด้านนโยบายของสหรัฐฯ เราจึงแนะนำใช้กลยุทธ์การลงทุนด้วยความระมัดระวัง โดยเน้นหุ้นที่มีธีมความเกี่ยวเนื่องกับประเด็นในประเทศเป็นหลักสำหรับพอร์ตการลงทุน ได้แก่ TASCO, CPALL, OSP, TIDLOR และ PR9

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง