แชร์เทคนิครีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ทำอย่างไรไม่ให้กลับมาเป็นหนี้อีก!
ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจอย่างนี้ ภาระหนี้สินที่หนักหนาเอาการ ก็เห็นจะเป็นภาระรายจ่ายจาก "บัตรเครดิต" นี่แหละ เพราะต้องชำระทุกเดือน อย่างน้อยก็ต้องจ่ายในอัตราขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนด การจะลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ หลายคนเลือกที่จะรีไฟแนนซ์ หรือจะเรียกง่ายๆก็คือ กู้เงินมาเพื่อปิดบัตรเครดิต โดยธนาคารที่เราขอกู้จะทำการปิดยอดบัตรเครดิตให้เราทุกใบ แล้วเราค่อยไปผ่อนจ่ายรายเดือนกับธนาคารแค่ก้อนเดียว
ยกตัวอย่างเช่น เราหนี้บัตรเครดิต ทั้งหมด 3 ใบ รวมวงเงินที่ต้องจ่าย 150,000 บาท แต่ก่อนเราต้องจ่ายขั้นต่ำ 20,000 บาท ซึ่งหากเรารีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ธนาคารจะปิดหนี้ทุกบัตรให้ แล้วแบ่งให้เราผ่อนชำระกับธนาคาร เดือนละประมาณ 7,000 บาท ทำให้เราสามารถปิดหนี้บัตรเครดิตได้จริง และมีเงินเหลือต่อเดือนมากขึ้น
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตทำอย่างไร?
1. ประมาณการหนี้บัตรเครดิตที่มีทั้งหมด การประมาณภาระยอดชำระหรือวงเงินบัตรเครดิตที่มีทั้งหมดนี้ ก็เพื่อนำไปขอสินเชื่อส่วนบุคคลกับธนาคาร
2. ตั้งวงเงินสินเชื่อ โดยควรตั้งวงเงินเผื่อไว้ให้มากกว่าสินเชื่อที่มีอยู่ เนื่องจากบางครั้งธนาคารอาจพิจารณาให้สินเชื่อไม่เต็มจำนวนที่ขอ แต่หากวงเงินขอสินเชื่อส่วนบุคคลที่ได้ต่ำกว่าหนี้สินทั้งหมด ให้เลือกนำเงินขอสินเชื่อที่ได้ไปชำระหนี้หรือปิดบัตรเครดิตที่มีดอกเบี้ยที่แพงที่สุดก่อน เพื่อป้องกันดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มพูนในอนาคต
3. หาธนาคารที่จะช่วยเรารีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ให้พิจารณาโปรโมชัน ระยะเวลาการผ่อนชำระ และเงื่อนไขอื่นๆ ประกอบ เพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์และความสามารถในการผ่อนชำระของตนเอง ซึ่งระยะเวลาในการผ่อนมีตั้งแต่ 18 – 72 เดือน ซึ่งจะช่วยให้สามารถยืดหยุ่นการผ่อนชำระได้ตามกำลังของเรา
cr:pixabay
อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเป็นอย่างไร?
ปัจจุบันมีหลายธนาคารที่จัดผลิตภัณฑ์สินเชื่อประเภทนี้ไว้เพื่อให้เราขอความช่วยเหลือ เพราะแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้หลายธนาคารได้ขยายมาตรการชะลอสินเชื่อส่วนบุคคลให้กับลูกค้า แต่เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาของมาตรการดังกล่าว บรรดาลูกค้าราคาเงินผ่อนก็ยังประสบปัญหานี้อยู่ และมีแนวโน้มว่า ปริมาณการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์จะเพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ละธนาคารก็จะมีโปรโมชันและระยะเวลาการผ่อนชำระ รวมถึงดอกเบี้ยที่แตกต่างกันไป เช่น ให้วงเงินกู้สูงสุด 3 – 5 เท่าของรายได้ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกัน การลดดอกเบี้ยพิเศษ หรือฟรีค่าธรรมเนียม เป็นต้น
ส่วนอัตราดอกเบี้ยก็ขึ้นอยู่กับธนาคารว่าจะมีการจัดโปรฯผ่อนชำระนานแค่ไหน อัตราดอกเบี้ยจึงจะคุ้มค่า
- ธนาคารไทยพาณิชย์
สินเชื่อบุคคล Speedy Loan
- อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 9.99%
-วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้านบาท
-ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 72 เดือน
-ไม่มีค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินและจัดการเงินกู้
-ไม่ต้องใช้บุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน
สมัคร สินเชื่อปิดบัตรเครดิต SCB คลิก
- ธนาคารออมสิน
สินเชื่อไทรทองอเนกประสงค์
-วงเงินสูงสุดมากกว่า 300,000 บาท
-ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดนานถึง 7 ปี
-อัตราดอกเบี้ยเพียงแค่ 8.50 บาท/ปี
-ไม่ต้องใช้บุคคลหรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ต้องมีรายได้ขั้นต่ำต่อเดือน 18,000 บาท ขึ้นไปสำหรับข้าราชการ และ 30,000 บาท ขึ้นไปสำหรับพนักงานออฟฟิศ
สมัคร สินเชื่อปิดบัครเครดิต ธนาคารออมสิน คลิก
- ธนาคารกรุงศรี
สินเชื่อส่วนบุคคล กรุงศรี (Krungsri)
- มีรายได้ขั้นต่ำต่อเดือน 20,000 บาท ขึ้นไป
-วงเงินอนุมัติสูงสุด 2,000,000 บาท
-อัตราดอกเบี้ยประมาณ 19.99 – 28% ต่อปี
-ระยะเวลาผ่อนชำระหนี้สูงสุด 5 ปี
สมัคร สินเชื่อปิดบัตรเครดิต กรุงศรี คลิก
- ธนาคารอิสลาม
สินเชื่ออเนกประสงค์
- ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันแบบที่พักอาศัยเท่านั้น
-วงเงินอนุมัติสินเชื่อสูงถึง 5,000,000 บาท
-ระยะเวลาในการผ่อนชำระสูงสุดถึง 15 ปี
-อัตรากำไรผ่อนชำระหลังหักส่วนลด (ใช้แทนอัตราดอกเบี้ย) อยู่ที่ SPRL – 1.75%
สมัครสินเชื่อปิดบัตรเครดิต ธนาคารอิสลาม คลิก
- ธนาคารทหารไทย
สินเชื่อทีเอ็มบี แคชทูโก (TMB Cash2Go)
-วงเงินให้กู้สูงสุดถึง 1,500,000 บาท
-ผ่อนชำระได้สูงสุด 5 ปี
-อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 14 – 28/ปี
-ต้องมีรายได้ต่อเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาท โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน
สมัครสินเชื่อปิดบัตรเครดิต TMB คลิก
- ธนาคาร CIMB
สินเชื่อบุคคล Personal Cash
-วงเงินกู้มากกว่า 1,500,000 บาท
-ระยะเวลาในการผ่อนชำระได้สูงสุด 5 ปี
-อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 9 – 28/ปี
-จะต้องมีรายได้เดือนละ 20,000 บาทขึ้น
สมัครสินเชื่อปิดบัตรเครดิต CIMB คลิก
- ธนาคารกรุงไทย
สินเชื่ออเนกประสงค์ 5 Plus
-มีอัตราดอกเบี้ยเพียง 13.87%/ปี
-วงเงินกู้สูงสุด 1,000,000 บาท
-ต้องมีรายได้ต่อเดือนขั้นต่ำ 30,000 บาท ขึ้นไป
สมัครสินเชื่อปิดบัตรเครดิตธนาคารกรุงไทย คลิก
- ธนาคาร UOB
สินเชื่อปิดบัตรเครดิต UOB
-วงเงินกู้สูงสุด 1,500,000 บาท
-อัตราดอกเบี้ย 19.99% – 27.99%/ปี
-ระยะเวลาผ่อนชำระได้สูงสุด 5 ปี
-ต้องเป็นผู้ที่มีรายได้ต่อเดือนเพียง 15,000 บาท
-ไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน
สมัครสินเชื่อปิดบัตรเครดิตธนาคาร UOB คลิก
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตอย่างไรไม่ให้เกิดหนี้ซ้ำซ้อนล่ะ?
ก่อนคือ ต้องเริ่มจากการ "ยอมรับ" ว่า "เรามีหนี้" เพื่อไม่ให้เรากลับไปทำพฤติกรรมการใช้จ่ายแบบเดิม และศึกษาข้อมูลการจัดการหนี้ โปรโมชันต่างๆของธนาคาร เริ่มต้นจากธนาคารเจ้าของหนี้บัตรเครดิตของเราก่อน หากวงเงินที่ให้ ไม่ได้ตามจำนวนที่เราต้องการ เช่น อาจจะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อย่างค่าเทอมลูกที่จำเป็นจะต้องใช้ในระยะเวลาใกล้ๆนี้ ก็ให้มองหาธนาคารอื่นแทน
cr:pixabay
- โดยเริ่มจากการเลือกสถาบันการเงินที่ดอกเบี้ยต่ำกว่า เพราะหากกู้เงินปิดบัตรเครดิตแต่ดอกเบี้ยไม่ได้ต่างกันมันไม่มีประโยชน์แถมยังเสียเวลา เสียเงินในการเดินเรื่องต่าง ๆ อีก ซึ่งต้องเลือกดีๆ หากไม่ต้องการกลับมารีไฟแนนซ์อีกรอบ
- คิดยอดรวมหนี้สินทั้งหมด เพื่อประเมินวงเงินที่ต้องใช้ปิดหนี้ ( ซึ่งก็จะเหมือนกับหัวข้อ การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตทำอย่างไร? ด้านบน)
- ต้องคำนวณเงินที่อยากได้จากการอนุมัติเงินกู้ให้ดี แนะนำให้ขอแพงกว่าหนี้สินทั้งหมดนิดหน่อยเผื่อสถาบันการเงินจะลดวงเงินเราเงินจะได้ยังพอดีกับการจ่ายหนี้สิน
- ที่สำคัญ!! ต้องวางแผนการใช้หนี้ล่วงหน้า โดยต้องคิดเผื่อว่าเมื่อได้เงินมาแล้วใช้หนี้ทั้งหมดจะเหลือเงินบ้างหรือไม่ หากเหลือควรเอาไปทำอะไร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
- ต้องศึกษาเงื่อนไขให้ดี เพราะหากเซ็นตกลงในสัญญาเงินกู้แล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ที่เน้นย้ำคือ ต้องรอบคอบที่สุดนั่นเอง
เทคนิคในการวางแผนทางการเงิน สู้หนี้ที่มีอยู่ให้ได้!!
- การจดบันทึกรายได้และค่าใช้จ่ายเป็นประจำ เพื่อให้เราเห็นพฤติกรรมการใช้เงินของตัวเองได้ดีขึ้น และเป็นจุดเริ่มต้นการมีวินัยทางการเงิน ทำให้รู้ว่ารายได้น้อยไปหรือค่าใช้จ่ายมากไปหรือไม่ ควรตั้งเป้าหมายให้มีรายได้มากกว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน
- แยกค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและไม่จำเป็น ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนต้องการใช้จ่ายเพื่อตอบสนองความปรารถนาของตัวเอง แต่หลักการ คือ ควรใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็นอย่างพอดีและมีสติ เพราะเมื่อสามารถลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง จะทำให้มีเงินออมมากขึ้น
- วางแผนสร้างเงินออม เมื่อสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอแล้ว ก็ควรสร้างเงินออมให้เพิ่มพูน และแบ่งเงินออมเอาไว้เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินด้วย หากมีเงินออมคงเหลือควรนำเงินออมไปลงทุนต่อยอดให้เกิดผลตอบแทนงอกเงยขึ้นไปอีก
cr:pixabay
หัวใจสำคัญของการจัดการหนี้ ก็คือ การสร้างวินัยทางการเงิน เพื่อที่จะเป็นทางออกให้เราสามารถบริหารจัดการหนี้ได้อย่างเหมาะสม และเมื่อ "รีไฟแนนซ์" แล้วต้องตระหนักอยู่เสมอว่า "เราไม่ควรสร้างหนี้เพิ่ม"
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNTHAILAND.comfacebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE