รีเซต

ปักธง “แลนด์บริดจ์” นายกฯ ดีลต่างชาติร่วมลงทุนเมกะโปรเจกต์

ปักธง “แลนด์บริดจ์” นายกฯ ดีลต่างชาติร่วมลงทุนเมกะโปรเจกต์
TNN ช่อง16
20 มกราคม 2567 ( 10:37 )
42

ความพยายามในการเดินหน้าพลิกโฉมการค้าโลก ของรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” เห็นได้อย่างชัดเจน ผ่านการนำเสนอเมกะโปรเจกต์ “ แลนด์บริดจ์” (Landbridge) ซึ่งว่ากันว่า จะเป็นแม่เหล็กใหม่ดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก หากโครงการนี้สำเร็จ คาดว่า จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล เกิดการลงทุนและจ้างงานตามมาอีกจำนวนมาก สิ่งสำคัญคือประเทศไทย กลายเป็นจุดผ่านเส้นทางการเดินเรือขนส่งที่สำคัญของโลก  โดย นายกรัฐมนตรี ประกาศกลางเวทีประชุมเอเปค 2023 ก่อนหน้านี้ ว่า ประเทศไทยพร้อมเปิดรับการลงทุนจากทุกชาติและทุกรูปแบบ โดยชู ”แลนด์บริดจ์” เป็นโอกาสการลงทุนสำหรับต่างชาติที่หาจากที่ไหนไม่ได้




ข้อมูลของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้วิเคราะห์ แนวทางการพัฒนาสะพานเศรษฐกิจทางบกเส้นทางใหม่ เชื่อมโยงฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน พบว่า พื้นที่ตั้งมีความได้เปรียบเทียบทั้งต้นทางและปลายทาง  โดยเฉพาะสินค้าไทยจะได้ประโยชน์ทั้งการลดต้นทุนและลดระยะเวลาในการขนส่ง ช่วยให้ไทยมีศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลกดีมากน และแม้ท่าเรือจะมีบทบาทหลักเป็นประตูการค้า แต่งบประมาณมากกว่า 2 ใน 3 ของการลงทุนทั้งหมด จะเป็นการพัฒนา เส้นทางทางบก เช่น ทางหลวงพิเศษ  ทางรถไฟ เพื่อเชื่อมท่าเรือ 2 ฝั่งทะเล 


ขณะที่ ผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ให้ข้อมูลว่า โครงการแลนด์บริดจ์ มีความสำคัญต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว และคาดว่าจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในพื้นที่ภาคใต้ เพิ่มเป็นร้อยละ 10 ในระยะ 10 ปี จากเดิมร้อยละ 2 สิ่งสำคัญคือการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางของการขนส่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังศึกษารายละเอียดและเตรียมออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ช่วงกลางปี 2567 และจะเริ่มประมูลงานลงทุนรูปแบบ PPP ในเดือน เม.ย. ปี 2568 คาดว่าจะเริ่มใช้เส้นทางใหม่แลนด์บริดจ์ ช่วงปี 2572 เป็นต้นไป




ด้าน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) แจกแจงให้เห็นภาพว่า ทำไมโครงการแลนด์บริดจ์จึงสำคัญ? 

- เมกะโปรเจกต์นี้มีมูลค่าการลงทุน 1 ล้านล้านบาท 

- รูปแบบการพัฒนาโครงการ ลักษณะเอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP)

- เชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน ประเทศไทย ตั้งอยู่ใจกลางคาบสมุทรอินโดจีน ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งและการค้าของเอเชีย

- ช่วยลดระยะทางการขนส่ง ซึ่งเป็นการร่นระยะเวลาและประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งแล้ว 

- แลนด์บริดจ์ ก่อให้เกิดการพัฒนาพื้นที่หลังท่าด้วยอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง และกิจกรรมเชิงพาณิชย์อื่นๆ

- เกิดการจ้างงานในพื้นที่ จำนวน 280,000 ตำแหน่ง 

- เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ที่จะเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (Southern Economic Corridor: SEC) ครอบคลุมจังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช 

- ยกระดับอุตสาหกรรมชีวภาพและการแปรรูปเกษตรมูลค่าสูง 

- ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการท่องเที่ยวสู่นานาชาติ 

- เป็นศูนย์กลางของภาคใต้ในการเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนระหว่างพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศไทยและภูมิภาคฝั่งทะเลอันดามัน 

- เชื่อมต่อเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กับความร่วมมือทางเศรษฐกิจอื่นๆ ระดับภูมิภาค 

- เป็นเส้นทางรองรับสินค้าเส้นทางจากประเทศจีน ลาว อินเดีย ไปยังยุโรป หรือสินค้าจากยุโรปมายังภูมิภาคอาเซียน





ในแง่ของความสนใจของต่างประเทศ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ได้ประมวลความเห็นหรือปฏิกิริยาจากประเทศต่าง ๆ มีท่าทีต่อโครงการแลนด์บริดจ์ของไทย  โดย สิงคโปร์ เห็นว่า แลนด์บริดจ์จะช่วยลดเวลาการขนส่งได้ไม่มากนัก เนื่องจาก มีปัจจัยอื่นที่มาเกี่ยวข้องนอกเหนือจากปัจจัยด้านเวลา ขณะที่ มาเลเซียเห็นว่า โครงการนั้เป็นเพียงข้อเสนอ  และเห็นว่าประเทศไทยมีสิทธิที่จะ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมาเลเซียเองก็มีโครงการเชื่อมช่องแคบมะละกา หากโครงการแลนด์บริดจ์ เกิดขึ้นจริง ไม่ได้ทำให้มาเลเซียมีความกังวล แต่ก็จะติดตามโครงการอย่างต่อเนื่อง 


ส่วนประเทศจีนมีความสนใจอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมและจะพิจารณาเรื่องเทคนิคและเกณฑ์การคัดเลือกนักลงทุน โดยจีนให้หน่วยงานระดับชาติ ได้แก่ National Development ขอข้อมูลดังกล่าวจากประเทศไทย เพื่อไปศึกษาเพิ่มเติม เช่นเดียวกับ ซาอุดีอาระเบีย ซึ่ง นายกรัฐมนตรี ได้เจรจากับบริษัทขนาดใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีความสนใจจะสร้างโรงเก็บชิ้นส่วนยานยนต์ขนาดใหญ่ในโครงการแลนด์บริดจ์  ล่าสุดมีสัญญาณดีจากการประชุม World Economic Forum 2024 ที่ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส หลัง นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมกิจกรรม Thailand Landbridge : Connecting ASEAN with the World และได้หารือกับนาย Sultan Ahmed bin Sulayem ประธานกลุ่มบริษัท และผู้บริหารของบริษัท ดูไบ พอร์ต เวิลด์ (DP World) ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์การขนส่งสินค้า การดำเนินงานท่าเรือ ซึ่งเป็น Operator ของท่าเรือแหลมฉบัง ได้แสดงเจตจำนงชัดเจนจะมาลงทุนในโครงการแลนด์บริดจ์ พร้อมจะเดินทางมาหารือที่ประเทศไทย และจะเดินทางไปสำรวจสถานที่จริงด้วย 





โครงการแลนด์บริดจ์ แบ่งเป็น 4 เฟส ประกอบด้วย เฟสแรกวงเงินลงทุนสูงสุด ประมาณการ 522,844.08 ล้านบาท  เฟส 2 ประมาณการลงทุนโครงการ 164,671.83 ล้านบาท  เฟส 3 ประมาณการลงทุน 228,512.79 ล้านบาท  เฟส 4 ประมาณการลงทุนโครงการ 85,177.77 ล้านบาท  แน่นอนว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ จ.ระนอง ระหว่างวันที่ 22- 23 ม.ค.2567 นี้ โครงการ  “Land Bridge”  จะเป็นหัวข้อหลักในการพิจารณาด้วย


เรียบเรียงโดย  ปุลญดา  บัวคณิศร 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง