รู้จัก “Stockholm Syndrome” รักเจ็บ แต่ไม่ยอมจบ ใครเตือนก็ไม่ฟัง!

รู้ว่าเจ็บ แต่ไม่อยากจาก รักมากจนยอมอยู่ในความสัมพันธ์สุด Toxic ใครเตือนก็ไม่ฟัง
จนหลัง ๆ เพื่อนเริ่มหาย เจ็บปวดแต่ไม่เคยจำ วนอยู่ในความสัมพันธ์เป็นพิษซ้ำ ๆ แบบนี้จะดีมั้ย? รู้ว่ามันแย่แต่ยังทำใจถ้าไม่มีเขาไม่ได้ จะจัดการความสัมพันธ์แบบนี้อย่างไรดี เรื่องนี้ “เบญญารัศม์ จันทร์เปล่ง” นักจิตวิทยาคลินิก Me Center มีคำแนะนำมาฝาก
Stockholm Syndrome คืออะไร อาการเป็นอย่างไร?
Stockholm Syndrome คือ ความรู้สึกหรือความสัมพันธ์ทางบวก เช่น ความเห็นใจ หรือ ความรู้สึกดี ที่คนเรามีต่อคนที่ทำไม่ดีกับเรา ซึ่ง Stockholm Syndrome นี้ ไม่จัดว่าเป็นโรคทางสุขภาพจิต หรือจิตเวชตามเกณฑ์ที่ใช้วินิจฉัยโรคจิตเวชในคู่มือ DSM แต่ถูกให้คำจำกัดความว่าเป็นกลไกการรับมือของบุคคล (coping mechanism) เมื่อเจอสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกถึงอันตราย ไร้อำนาจ หรืออยู่ในความสัมพันธ์ที่รุนแรง ทำให้บุคคลต้องสร้างความรู้สึกหรือความสัมพันธ์ทางบวกต่อผู้ที่มีอำนาจหรืออยู่เหนือตนเองขึ้นมา เพื่อลดความกลัวและสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้ตัวเอง
อาการ Stockholm Syndrome
-มีความรู้สึกทางบวกกับผู้ที่ทำร้ายตนเอง เช่น เห็นอกเห็นใจ รักใคร่ ชอบพอ
-มีความรู้สึกทางลบกับผู้ที่พยายามให้การช่วยเหลือหรือบอกให้ตนเองเลิกยุ่งกับผู้ที่ทำร้ายตนเอง
-ปฏิเสธความช่วยเหลือจากผู้ที่หวังดี และไม่ให้ความร่วมมือ
-คิดว่าตนเองทำอะไรไม่ได้ สิ้นหวัง
-คิดโทษตัวเอง และคิดว่าตนเองสมควรได้รับสิ่งที่กำลังโดน
5 วิธีออกจากวงจร Stockholm Syndrome
1. ยอมรับว่าตนเองกำลังอยู่ในวงจรของ Stockholm Syndrome และทำความเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
2. พูดคุยตกลงและหาข้อสรุปในความสัมพันธ์ ว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ หากไปต่อ อาจจะต้องสร้างขอบเขตหรือจัดการกับปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น แต่หากพอแค่นี้ ก็ต้องพูดคุยเรื่องการยุติความสัมพันธ์ (อาจใช้บุคคลที่ 3 หรือหน่วยงานอื่นๆเข้ามาช่วย ในกรณีที่ไม่สามารถพูดคุยด้วยตนเองได้)
3. หันกลับมาดูแลร่างกายและจิตใจของตนเองที่เคยเผลอละเลยไปในช่วงก่อนให้กลับมาแข็งแรงขึ้น
4. ไม่โทษตัวเอง ไม่ว่าตัวเองถึงสิ่งที่ผ่านมา แต่ให้นำสิ่งที่ผ่านมา มาใช้เป็นแนวทางในการวางแผนการมีความสัมพันธ์ในครั้งต่อ ๆ ไป
5. พบผู้เชี่ยวชาญ หากรู้สึกว่าไม่สามารถจัดการกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาด้วยตัวเองได้
แนะนำหรือช่วยเหลืออย่างไรดี หากมีเพื่อนหรือคนรู้จักเป็น?
1. เตือนสติให้เพื่อนคิดเมื่อมีโอกาส ค่อย ๆ เตือนแบบไม่ใช่เป็นการซ้ำเติม
2. สังเกต ใส่ใจ และรับฟังในสิ่งที่เพื่อนต้องการพูด/ สิ่งที่เพื่อนคิด ด้วยความ Empathy
3. พยายามทำให้เพื่อนรู้สึก และรับรู้ว่ามีเราอยู่ในชีวิต เพื่อนไม่ได้อยู่คนเดียว พาเพื่อนไปทำกิจกรรม ไปเจอโลกภายนอก และสังคมอื่นๆบ้าง
4. แจ้งผู้ปกครอง/ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหากเห็นว่าเพื่อนอยู่ในอันตรายหรือมีความเสี่ยงสูงมาก
5. พาเพื่อนไปพบผู้เชี่ยวชาญ เมื่อสังเกตเห็นอาการหรืออะไรบางอย่างที่ผิดปกติไป
หากสนใจปรึกษาจิตแพทย์ และนักจิตวิทยาคลินิก ติดต่อได้ที่
Me Center คริสตัล ดีไซน์ เซนเตอร์ (CDC) ชั้น 2
โทร 085-355-2255
Me Center ศูนย์สมองและสุขภาพจิต ชั้น 8 โรงพยาบาลอินทรารัตน์
โทร 02-481-5555 ต่อ 8300
Line Official: @mecenter (https://lin.ee/mCheDsu)