รีเซต

ความเป็นมาของ 'วันไข้เลือดออกอาเซียน' ( ASEAN Dengue Day) 15 มิถุนายน 2564

ความเป็นมาของ 'วันไข้เลือดออกอาเซียน' ( ASEAN Dengue Day) 15 มิถุนายน 2564
TrueID
14 มิถุนายน 2564 ( 21:06 )
599

   ปัญหาของโรคไข้เลือดออกไม่ได้มีเฉพาะประเทศไทย ประเทศในภูมิภาคเขตร้อนชื้น เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็มีปัญหาเช่นกัน ดังนั้น ประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ คือ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บูรไน เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา 

 

   จึงมีมติร่วมกันกำหนดให้ทุกวันที่ 15 มิถุนายน ของทุกปี เป็น “วันไข้เลือดออกอาเซียน” ( ASEAN Dengue Day) เพื่อร่วมมือรณรงค์ไปด้วยกัน ในปี 2556 กำหนดประเด็นหลักในการรณรงค์ว่า “อาเซียนร่วมใจปลอดภัยไข้เลือดออก” (ASEAN Unity for Dengue-Free Community) เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนมีพฤติกรรมพึงประสงค์ คือ การเก็บ มุ่งเน้นวิธีการป้องกันด้วยวิธีทางกายภาพที่ทำได้ด้วยตนเองโดยการดูแลสิ่งแวดล้อมไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และการกำจัดลูกน้ำยุงลายในภาชนะทุกสัปดาห์เพื่อตัดวงจรการเกิดยุงลาย 

 

   โรคไข้เลือดออก ถือว่าเป็นปัญหาสาธารณสุข ในกลุ่มประเทศอาเซียน แต่ละปีพบผู้ป่วยไม่ต่ำกว่าปีละ 200,000 ราย จากผลสำรวจครึ่งปีแรก มีรายงานผู้ป่วยใน 7 ประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ ไทย กัมพูชา ลาว มาเลเชีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม รวม 69,213 ราย เสียชีวิต 57 ราย และด้วยสภาพภูมิประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภูมิอากาศแบบร้อนชื้น เหมาะสำหรับการแพร่พันธุ์ยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก ดังนั้น ประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ จึงได้มีมติร่วมกัน กำหนดให้วันที่ 15 มิถุนายน ของทุกปีเป็นวันไข้เลือดออกอาเซียน 

 

 
   สำหรับสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในกลุ่มประเทศอาเซียน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 13 มิถุนายน 2555  พบว่า ประเทศที่มีรายงานผู้ป่วยมากที่สุด คือ ฟิลิปปินส์ พบผู้ป่วย 28,163 ราย รองลงมาคือประเทศไทย พบผู้ป่วย 14,045 ราย เสียชีวิต 9 ราย มาเลเชีย พบผู้ป่วย 10,352 ราย เสียชีวิต 20 ราย เวียดนาม พบผู้ป่วย 10,296  ราย เสียชีวิต 7 ราย กัมพูชา พบผู้ป่วย 4,050  ราย เสียชีวิต 18 ราย สิงคโปร์ พบผู้ป่วย 1,529 ราย  และ ลาว พบผู้ป่วย 778 ราย เสียชีวิต 3 ราย ส่วนใหญ่เกิดในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี 

 


   กรมควบคุมโรค ได้รับการแจ้งเตือนจากองค์การอนามัยโลก ว่าปี 2556 สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในกลุ่มประเทศอาเซียน น่าเป็นห่วงที่สุดในโลกพอๆ กับภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก ดังนั้นทุกประเทศในอาเซียนจึงร่วมจัดงานวันไข้เลือดออกอาเซียน

 

    ประชาชนชาวไทยและอาเซียนที่ถูกโรคไข้เลือดออกคุกคามอย่างหนัก  โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนนี้ (มิถุนายน – สิงหาคม)   ซึ่งเป็นฤดูกาลระบาดของโรคดังกล่าว ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยและประเทศในอาเซียนเท่านั้น  ที่มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกมากขึ้นประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ก็มีผู้ป่วยโรคนี้เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน  โดยอาจมีสาเหตุอันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน ทำให้ยุงพาหะของโรคไข้เลือดออกสามารถแพร่พันธุ์ได้มากขึ้น  

 

   ในที่ที่มีอุณหภูมิอุ่นขึ้น องค์การอนามัยโลกจึงได้เตือนประชากรโลก ให้ทราบว่า ขณะนี้ 40 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก  เสี่ยงต่อการป่วยจากโรคไข้เลือดออกก่อนปี  2513 (ค.ศ.1970) มีการระบาดของโรคไข้เลือดออกเพียง 9 ประเทศ ขณะนี้มีการระบาดมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก  ในภูมิภาคแอฟริกา อเมริกา เมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้  แปซิฟิกตะวันตก  โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกตะวันตกมีสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกน่าเป็นห่วงมาก  ส่วนประเทศไทยปีนี้สถานการณ์การระบาดของโรคเป็น 3 เท่าของปีที่ผ่านมา  

 

   การจัดงาน “วันไข้เลือดออกอาเซียน”  (ASEAN Dengue Day) เนื่องมาจากประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทุกประเทศ มีปัญหาโรคไข้เลือดออกร่วมกัน  ดังนั้นในการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนครั้งที่  22 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2553 (ค.ศ.2010)  ณ ประเทศสิงคโปร์  ได้มีข้อตกลงร่วมกัน  ให้วันที่ 15 มิถุนายนของทุกปีเป็นวันไข้เลือดออกอาเซียน 

 

   ประชาชนสามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกด้วยตนเองโดยการปฏิบัติ   5 ป+1ข  ได้แก่  1.ป.ปิด ปิดภาชนะขังน้ำให้มิดชิด ป้องกันยุงลายลงไปวางไข่  2.ป.เปลี่ยน เปลี่ยนน้ำในแจกัน ถังเก็บน้ำทุก 7 วัน  เพื่อตัดวงจรลูกน้ำที่จะกลายเป็นยุง  3.ป.ปล่อย ปล่อยปลากินลูกน้ำในภาชนะใส่น้ำถาวร  เช่น ปลาหางนกยูง ปลากัด ปลากระดี่  4.ป.ปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้ปลอดโปร่ง โล่งสะอาด ลมพัดผ่าน ไม่เป็นที่เกาะพักของยุงลาย 5.ป.ปฏิบัติ  ปฏิบัติเป็นประจำจนเป็นนิสัย 1ข.ขัดไข่ยุงลาย 

 

 

 

 

 

ข้อมูล: healthserv , กรมควบคุมโรค

ภาพโดย Oberholster Venita จาก Pixabay 

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง