คนไทยป่วยไข้เลือดออกทะลุแสน 2 ปีซ้อน

หนึ่งในสัตว์ตัวเล็กที่เป็นอันตรายต่อคนไทยมากที่สุดคือ ‘ยุงลาย’ที่ทำให้มีผู้ป่วย‘ไข้เลือดออก’แตะแสนรายมาสองปีซ้อนโดยข้อมูลจากกรมควบคุมโรคเผยว่าในปี 2567 มีผู้ป่วยไข้เลือดออกมากถึง 105,250 รายและเสียชีวิตกว่า 100 รายซึ่งตัวเลขที่สูงขนาดนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากความเชื่อผิดๆที่ว่ายุงลายจะออกมาเฉพาะตอนกลางคืนทำให้หลายคนละเลยการป้องกันยุงกัดในช่วงกลางวันทั้งที่จริงแล้วยุงลายสามารถออกกัดได้ตลอดทั้งวันดังนั้นทุกคนจึงควรป้องกันตัวเองอย่างรอบด้านทั้งการระวังไม่ให้ถูกยุงกัดและการฉีดวัคซีนไข้เลือดออกซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อและช่วยลดความรุนแรงของอาการที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตวันนี้ นพ.บารมีพงษ์ ลิขิตมงคล แพทย์ผู้ชำนาญการเวชศาสตร์ครอบครัว ศูนย์อายุรกรรม รพ.วิมุต จะมาย้ำเตือนถึงอันตรายของโรคไข้เลือดออกพร้อมแชร์วิธีป้องกันยุงกัดง่ายๆที่เอาไปใช้กันได้ทั้งครอบครัว
‘ไข้เลือดออก’ระยะวิกฤตอันตรายถึงชีวิต
โรคไข้เลือดออกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus)ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 4 สายพันธุ์คือDENV-1, DENV-2, DENV-3 DENV-4 โดยโรคนี้ไม่ได้ติดจากคนสู่คนโดยตรงแต่ติดต่อผ่านทางยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคไปกัดคนที่ติดเชื้อไวรัสมาก่อนแล้วมากัดอีกคนหนึ่งในภายหลังปกติเชื้อจะฟักตัวในร่างกายประมาณ 3-7 วันก่อนจะเริ่มมีอาการโดยโรคไข้เลือดออกแบ่งออกเป็น 3 ระยะเริ่มจากระยะไข้ (Febrile phase)ผู้ป่วยจะมีไข้สูงเฉียบพลันมากกว่า 38.5 องศาเซลเซียสมีผื่นแดงตามตัว กดเจ็บบริเวณใต้ชายโครงขวา และอาจมีอาการร่วมเช่นปวดศีรษะปวดกล้ามเนื้อปวดข้อปวดกระดูกคลื่นไส้อาเจียนปวดท้องและไข้มักจะลดลงในระยะเวลาประมาณ 3-7 วันส่วนระยะที่สองคือระยะช็อกหรือระยะวิกฤต (Critical phase)ซึ่งจะเกิดหลังระยะไข้ในวันที่ 5-7 โดยจะเป็นระยะที่ไข้จะลงอย่างรวดเร็ว เกล็ดเลือดต่ำในบางครั้งอาจมีความรุนแรงมากจนทำให้ผู้ป่วยช็อกและมีโอกาสเสียชีวิตได้และสุดท้ายคือระยะฟื้นฟู (Recovery phase)หลังจากผู้ป่วยอยู่ในระยะวิกฤตนานประมาณ 24-48 ชั่วโมงก็จะเริ่มเข้าสู่ระยะฟื้นตัวโดยเป็นช่วงที่ร่างกายค่อยๆฟื้นตัวจนอาการต่างๆดีขึ้นอย่างรวดเร็วตามลำดับ
"หลายคนมีความเชื่อว่ายุงลายกัดเฉพาะตอนกลางวัน แต่ความจริงแล้วยุงลายกัดได้ทั้งกลางวันและกลางคืนเราจึงต้องระวังมากขึ้นโดยเฉพาะคนที่เคยเป็นมาก่อนเพราะหากติดเชื้อซ้ำอาจมีอาการรุนแรงมากขึ้น" นพ.บาร มีพงษ์ลิขิตมงคล อธิบาย
ไขข้อสงสัย‘ไข้เลือดออก’ เป็นซ้ำทำไมเสี่ยงอาการรุนแรงกว่าเดิม
โดยปกติร่างกายจะสร้างแอนติบอดีเพื่อต่อสู้กับไวรัสและป้องกันการติดเชื้อซ้ำแต่ในกรณีของไข้เลือดออกซึ่งมี 4 สายพันธุ์หลักภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการติดเชื้อครั้งแรกจะป้องกันได้เฉพาะสายพันธุ์ที่ติดตลอดชีวิตแต่ป้องกันสายพันธุ์อื่นได้ชั่วคราวประมาณ 3–6 เดือนนพ.บารมีพงษ์ลิขิตมงคล อธิบายเสริมว่า “หากติดเชื้อครั้งที่สองจากสายพันธุ์ต่างกันระบบภูมิคุ้มกันอาจทำงานผิดพลาดจนเกิดภาวะAntibody Dependent Enhancement (ADE) หรือการที่แอนติบอดีจำไวรัสตัวใหม่ว่าเป็นตัวเดิมทำให้ไวรัสแพร่กระจายได้ง่ายขึ้นและเพิ่มความรุนแรงของโรคเช่นมีไข้สูงคลื่นไส้อาเจียนปวดท้องบางรายมีการรั่วไหลของน้ำออกจากหลอดเลือดทำให้เกิดภาวะช็อกขาดน้ำหรืออาจมีเลือดออกรุนแรงจนอาจทำให้เสียชีวิตได้ดังนั้นจึงแนะนำให้ทุกคนฉีดวัคซีนป้องกันไว้จะดีที่สุด”
วัคซีน'ไข้เลือดออก' กันติดเชื้อได้ 80%
โรคไข้เลือดออกนั้นสามารถเป็นได้ทุกคนเมื่อโดนยุงลายที่มีเชื้อกัดโดยเฉพาะในเด็กๆช่วงอายุ 5-14 ปีต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันยังไม่พัฒนาเต็มที่และเป็นวัยที่ยังไม่ได้ระวังตัวเองกับการติดเชื้อมากนักโดยทุกคนสามารถป้องกันตัวเองได้หลายวิธีเช่นทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง นอนในมุ้ง ทายากันยุงใส่เสื้อให้มิดชิดและดีที่สุดควรเลี่ยงการโดนยุงกัดแต่อาจจะเลี่ยงไม่ได้ตลอดดังนั้นจึงควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกัน
นพ.บารมีพงษ์ ลิขิตมงคล เล่าถึงการฉีดวัคซีนว่า "ปัจจุบันวัคซีนไข้เลือดออกครอบคลุมทั้ง 4 สายพันธุ์แนะนำให้ฉีดวัคซีนคิวเดงกา (Qdenga) เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ (live-attenuated vaccine) ที่กระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อทั้ง 4 สายพันธุ์ฉีดทั้งหมด 2 เข็มห่างกันเข็มละ 3 เดือนสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 80% อีกทั้งยังป้องกันภาวะแทรกซ้อนลดความรุนแรงลดโอกาสช็อกได้ถึง 90%ซึ่งตัววัคซีนสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 4 – 60 ปีทั้งผู้ที่เคยและไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อนแต่จะมีข้อห้ามสำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องเช่นผู้ป่วยที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกันผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดผู้ป่วยHIV รวมถึงหญิงที่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร"
วิธีการรักษา'โรคไข้เลือดออก'
ปัจจุบันยังไม่มียาต้านเชื้อไวรัสเดงกีโดยตรงการรักษาจึงเน้นไปที่การบรรเทาอาการตามระยะของโรคเช่นการรับประทานยาแก้ปวดลดไข้การเช็ดตัวลดไข้และดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อชดเชยภาวะขาดน้ำแต่ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงหรือเข้าสู่ระยะวิกฤตควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพราะผู้ป่วยอาจมีภาวะสารน้ำรั่วไหลออกจากหลอดเลือดเลือดออกรุนแรงจนนำไปสู่ภาวะช็อกหรือเสียชีวิตได้จึงจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
"ในหน้าฝนแบบนี้ยุงลายจะแพร่พันธุ์ได้เร็วขึ้นทำให้เรามีโอกาสป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกเพิ่มไปด้วยดังนั้นเราต้องเลี่ยงไม่ให้โดนยุงกัดเท่าที่ทำได้ และทำลายแหล่งน้ำขังที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงรอบบ้านให้หมดที่สำคัญคือต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกไว้ตั้งแต่เนิ่นๆเพราะไข้เลือดออกเป็นซ้ำได้ตลอดชีวิตเวลาติดเชื้อขึ้นมาจะได้มีอาการไม่รุนแรงและฟื้นฟูร่างกายได้ไวขึ้น"
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
