รีเซต

ยาที่ห้ามใช้! เมื่อสงสัยว่าเป็น "ไข้เลือดออก" เพิ่มความเสี่ยง อันตรายถึงชีวิต

ยาที่ห้ามใช้! เมื่อสงสัยว่าเป็น "ไข้เลือดออก" เพิ่มความเสี่ยง อันตรายถึงชีวิต
TNN ช่อง16
1 สิงหาคม 2568 ( 09:26 )
9

สถาบันวัคซีนแห่งชาติ เปิดรายชื่อ ยาที่ห้ามใช้ ! เมื่อสงสัยว่าเป็น "ไข้เลือดออก" เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงเลือดออกง่ายขึ้น อันตรายถึงชีวิต

ชื่อยา และ เหตุผลที่ไม่ควรใช้

- แอสไพริน (Aspirin) รบกวนการทำงานของเกล็ดเลือด เพิ่มความเสี่ยงเลือดออกง่าย เช่น เลือดออกในทางเดินอาหาร หรือสมอง

- ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)เป็นยาในกลุ่ม NSAIDs ที่ยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด อาจทำให้เลือดออกผิดปกติ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะหลอดเลือดรั่ว

-นาพรอกเซน (Naproxen) เป็น NSAID เช่นกัน เพิ่มความเสี่ยงเลือดออกคล้าย ibuprofen

- ไดโคลฟีแนค (Diclofenac) อีกหนึ่ง NSAID ที่อาจกระตุ้นเลือดออก และกระเพาะระคายเคือง

- อินโดเมทาซิน (Indomethacin) NSAID ที่มีผลต่อเกล็ดเลือดและหลอดเลือด อาจเร่งภาวะแทรกซ้อน

- พอนสแตน (Mefenamic acid) เพิ่มโอกาสเลือดออก โดยเฉพาะในทางเดินอาหารและเหงือก


 ยาแก้ปวด/ลดไข้ที่แนะนำ

- พาราเซตามอล (Paracetamol / Acetaminophen)

เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดในการลดไข้และบรรเทาอาการปวดในผู้ป่วยไข้เลือดออก

ข้อควรระวัง: ไม่ควรรับประทานเกินขนาด (ไม่เกิน 4,000 มิลลิกรัมต่อวันในผู้ใหญ่)

 เหตุผลสำคัญในการหลีกเลี่ยงยา NSAIDs และ Aspirin

-โรคไข้เลือดออกมีความเสี่ยงเกิดภาวะ หลอดเลือดรั่ว และ เกล็ดเลือดต่ำ อยู่แล้ว

- ยาเหล่านี้รบกวนกลไกการแข็งตัวของเลือด

- การใช้ยาเหล่านี้อาจนำไปสู่ ภาวะเลือดออกภายในที่รุนแรง ซึ่งอาจเสียชีวิตได้

โรคไข้เลือดออกสามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย ปัจจุบัน ยังไม่มียาต้านไวรัสโดยเฉพาะ การป้องกันที่ดีที่สุดคือ ป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกยุงกัด กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และอาจพิจารณาฉีดวัคซีนไข้เลือดออกเป็นมาตรการเสริมในการป้องกันการป่วยรุนแรงได้

การป้องกันไข้เลือดออก ที่ดีที่สุดคือ ป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกยุงกัด กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และอาจพิจารณาฉีดวัคซีนไข้เลือดออกเป็นมาตรการเสริมในการป้องกันการป่วยรุนแรงได้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง