CDC สหรัฐฯ ระบุ วัคซีนโควิดเข็ม 3 ประสิทธิภาพลดลงหลังฉีด 4 เดือน
วันนี้ (13 ก.พ.65) ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC เปิดเผยผลการศึกษา ว่า วัคซีนต้านโควิด-19 กระตุ้นเข็ม 3 มีประสิทธิภาพลดลง หลังจากฉีดไปนาน 4 เดือน โดยประสิทธิภาพของวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 ในการป้องกันการเข้าโรงพยาบาลในระหว่างที่ “โอมิครอน” ระบาดในสหรัฐฯ นั้น ลดลงจากร้อยละ 91 ในช่วง 2 เดือนแรกหลังการฉีดเข็ม 3 เหลือร้อยละ 78 ในเดือนที่ 4 หลังจากฉีดเข็ม 3
ส่วนประสิทธิภาพของวัคซีนเข็ม 3 ในการป้องกันอาการทรุดหนักจนต้องเข้ารักษาอย่างเร่งด่วนหรือเข้าห้องฉุกเฉิน ลดลงจากระดับร้อยละ 87 ในช่วง 2 เดือนแรกหลังการฉีด เหลือร้อยละ 66 ในเดือนที่ 4 และลดลงอีกเหลือเพียงร้อยละ 37 ในเดือนที่ 5 หลังการฉีดเข็ม 3
ผลการศึกษานี้ชี้ว่า วัคซีนต้านโควิดมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ได้มากกว่าการป้องกันอาการทรุดหนักมากกว่า จนต้องเข้ารักษาตัวเร่งด่วนหรือเข้าห้องฉุกเฉิน
นอกจากนี้ ยังพบว่า วัคซีนต้านโควิดดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อโอมิครอน ได้ดีกว่าเชื้อเดลต้า เมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างช่วงเวลาที่เดลต้าระบาดหนักที่สุดก่อนหน้าโอมิครอน กับช่วงเวลาที่โอมิครอนระบาดหนักที่สุด
นพ.แอนโทนี เฟาซี หัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของรัฐบาลสหรัฐฯ คาดว่า สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ จะดีขึ้น จนกระทั่งคนอายุต่ำกว่า 30 ที่มีสุขภาพดี อาจจำเป็นต้องฉีดวัคซีนต้านโควิดเพื่อกระตุ้นภูมิเพียง 4-5 ปีต่อครั้งเท่านั้น และไม่ใช่ทุกคนที่จำเป็นต้องฉีดเข็มกระตุ้น
ด้าน ฮ่องกง พบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 1,510 ราย จากเดิมวานนี้ 1,325 ราย ทางการฮ่องกงระบุว่า ตอนนี้เตียงผู้ป่วยโควิดใกล้เต็ม 100% แล้ว เช่นเดียวกับสถานที่กักตัว
อย่างไรก็ตาม ทางการฮ่องกง บังคับประชาชนหลายหมื่นคน เข้ารับการตรวจหาโควิดทุกวัน รวมถึงผู้สูงอายุ และเด็ก ที่เข้าแถวยาวรอตรวจหาเชื้อโควิดนานหลายชั่วโมง โดยคาดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะพุ่งถึงวันละหลายหมื่นคนในอีกไม่นาน ขณะที่ ผู้สูงวัยตกอยู่ในความเสี่ยง เนื่องจากส่วนใหญ่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
ขณะที่ ทางการจีนอนุมัติการใช้ยาเม็ดแพ็กซ์โลวิดของไฟเซอร์ เพื่อต่อสู้เชื้อไวรัสโควิด-19 นับเป็นยาเม็ดตัวแรกที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ต่อสู้โควิด โดยสำนักงานบริหารผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์แห่งชาติ ระบุว่า แพ็กซ์โลวิดได้รับการอนุมัติให้รักษาผู้ใหญ่ที่มีอาการโควิดป่วยเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีความเสี่ยงสูงที่จะพัฒนาไปสู่ขั้นร้ายแรง
การอนุมัติยาเม็ดของไฟเซอร์ คาดว่า ปี 2022 จะทำให้ไฟเซอร์ ขายยารักษาโควิด คิดเป็นมูลค่า 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 719,620 ล้านบาท.
ภาพจาก แฟ้มภาพ TNN ONLINE