5 ความลับของ “การฝึกขอบคุณ” เรื่องเรียบง่าย แต่ช่วยซ่อมใจพังได้

นพ.เจษฎา ทองเถาว์ แพทย์เฉพาะทางสาขาจิตเวชศาสตร์ จิตแพทย์ประจำ รพ.พระศรีมหาโพธิ์ จ.อุบลราชธานี ได้โพสต์ข้อึความลงบนเฟซบุ๊ก "คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา" เกี่ยวกับ 5 ความลับของ “การฝึกขอบคุณ” โดยระบุว่า
การฝึก “ขอบคุณ” ดูเหมือนเรื่องเรียบง่าย แต่ในเชิงจิตวิทยาแล้ว มันคือ “โปรแกรมซ่อมใจ” ที่ทำงานกับสมองลึกกว่าที่เราคิดครับนี่คือ 5 ความลับที่วงการจิตเวชและจิตวิทยาเริ่มเข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
1. การขอบคุณ เปลี่ยนโครงสร้างสมองได้จริง
งานวิจัยพบว่าผู้ที่เขียนบันทึกขอบคุณติดต่อกัน 4 สัปดาห์ มีการเปลี่ยนแปลงในสมองส่วน medial prefrontal cortex ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสุข การตัดสินใจ และความเห็นอกเห็นใจ เมื่อสมองถูกฝึกให้ “สังเกตสิ่งดี” ซ้ำ ๆ วงจรความคิดเชิงบวกจะค่อย ๆ แข็งแรงขึ้น เหมือนกล้ามเนื้อที่ผ่านการฝึก
2. แค่วันละ 2 นาที ก็ลดซึมเศร้าได้
งานวิจัยพบว่าคนที่จดสิ่งที่รู้สึกขอบคุณ 3 ข้อต่อวัน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ มีระดับความเครียดลดลงเฉลี่ย 23% และมีแนวโน้มหลับดีขึ้นถึง 25% เหมือนเราให้ “รางวัลเล็ก ๆ” กับสมองทุกวัน และมันตอบแทนเราด้วยความสงบที่ลึกขึ้น
3. การขอบคุณคือยาชะลอสมองเสื่อมทางอารมณ์
ในเชิงประสาทวิทยา การขอบคุณช่วยลดการทำงานของ amygdala ซึ่งเกี่ยวข้องกับความกลัวและความโกรธ
และเพิ่มการหลั่ง serotonin กับ dopamine ฮอร์โมนที่ช่วยให้เรารู้สึกสงบและมั่นคงทางใจ เมื่อเราฝึกบ่อย สมองจะ “จำได้” ว่าความสงบแบบนี้เกิดจากอะไร และจะพาเรากลับมาหามันได้ง่ายขึ้น แม้ในวันที่วุ่นวาย
4. ในโลกโซเชียล การขอบคุณคือการต่อต้านอัลกอริทึมแห่งความเปรียบเทียบ ทุกวันเราถูกกระตุ้นให้ดูชีวิตคนอื่น ดูมากพอจนลืมดูชีวิตตัวเอง การฝึกขอบคุณคือ “การชะลอเวลา” เป็นช่วงที่เราหยุดเปรียบเทียบ แล้วมองสิ่งที่เรามี นักวิจัยพบว่า ผู้ใช้โซเชียลที่ฝึก gratitude journaling มีระดับความพึงพอใจในชีวิตสูงกว่ากลุ่มควบคุม 17% เพราะพวกเขา “ใช้สมองคนละโหมด” กับตอนเลื่อนฟีดครับ
5. การขอบคุณช่วยฟื้นความสัมพันธ์
ในมุมของจิตเวชสัมพันธ์ (interpersonal psychiatry) “คำขอบคุณ” เป็นภาษาของการยอมรับ เมื่อเราขอบคุณใครบ่อย สมองของเขาจะหลั่ง oxytocin ฮอร์โมนแห่งความไว้วางใจ
คนที่ฝึกขอบคุณเป็นประจำ ไม่ใช่แค่มีความสุขมากขึ้น แต่ยังมีสุขภาพกายดีขึ้น นอนหลับสนิทขึ้น แถมยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้างมากขึ้นด้วย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
