“เทสลา” เล็งทดสอบแท็กซี่ไร้คนขับ มิ.ย.นี้

“อีลอน มัสก์” CEO ของ “เทสลา” (Tesla) บริษัทรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รายใหญ่ของสหรัฐฯ ระบุกับ CNBC ว่า เตรียมทดสอบบริการแท็กซี่ไร้คนขับ (robotaxi) ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส ภายในเดือนมิถุนายนนี้ หลังจากที่ให้คำมั่นเรื่องนี้มานาน แม้จะยังเผชิญกับข้อสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัย

โดย “เทสลา” เตรียมเปิดตัวรถแท็กซี่ไร้คนขับราว 10 คัน ในพื้นที่บางส่วนของเมืองออสติน และจะเพิ่มเป็นพันคันภายในไม่กี่เดือนหลังจากนั้น

“มัสก์” กล่าวด้วยว่า จะไม่ให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับไปทั่วเมืองออสติน แต่จะเลือกเฉพาะบางพื้นที่ที่มีความปลอดภัยมากสุด

ทั้งนี้ ยอดขายของ “เทสลา” ลดลงทั่วโลก เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และ “มัสก์” ต้องเผชิญกับกระแสความไม่พอใจของประชาชนจากการทำงานให้กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แต่เขาจะหันมาทุ่มเทกับ “เทสลา” มากขึ้น และลดงานในทำเนียบขาวลงเหลือ 2-3 วันต่อ 2-3 สัปดาห์ โดยจะช่วยงานเท่าที่สามารถทำได้

ความสำเร็จในการทดสอบแท็กซี่ไร้คนขับมีความสำคัญมากสำหรับ “เทสลา” เนื่องจาก “มัสก์” ได้ปรับโฟกัสของบริษัทจากการสร้างรถ EV รุ่นใหม่ที่ราคาถูกกว่า ไปสู่การเปิดตัวบริการแท็กซี่ไร้คนขับ และหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ “ออปติมัส” (Optimus) ซึ่งมูลค่าของบริษัทขึ้นอยู่กับการเดิมพันนี้

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับในสหรัฐฯ นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ยาก เนื่องจากมีกฎระเบียบที่เข้มงวดและการลงทุนจำนวนมาก ทำให้บริษัทหลายแห่งต้องโบกมือลา และผู้ที่ยังไม่ถอดใจ รวมถึง “เวย์โม” (Waymo) ของค่าย “อัลฟาเบต” (Alphabet) ก็ต้องเผชิญกับการตรวจสอบที่เข้มงวด

สำนักงานความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงสหรัฐฯ ได้สอบสวนอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Full Self-Driving-FSD) ของ “เทสลา” ท่ามกลางทัศนวิสัยบนท้องถนนที่เลวร้ายตั้งแต่เดือนตุลาคม และได้ขอให้ “เทสลา” ตอบคำถามเกี่ยวกับบริการแท็กซี่ไร้คนขับแบบมีค่าใช้จ่าย เพื่อประเมินว่ารถยนต์จะมีประสิทธิภาพเพียงใดในสภาพอากาศเลวร้าย