เปิดวิธีเอาตัวรอด “คนร้ายประชิดตัวล่วงละเมิดทางเพศ” ทำอย่างไร?
วันนี้ ( 1 พ.ค. 66 )จากกรณีคดีสะเทือนขวัญของ “เซลล์อ้อม” พนักงานขายรถสาวถูกคนร้ายทำทีมาติดต่อว่าต้องการซื้อรถยนต์ก่อนจะก่อเหตุลักพาตัวเพื่อล่วงละเมิดทางเพศ ก่อนจะกระทำการฆาตกรรม นอกจากเรื่องราวดังกล่าวจะกลายเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจแล้ว
ยังทำให้เกิดคำถามที่ว่าเราจะสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์รุนแรงในลักษณะนี้อย่างไร เมื่อถูกคนร้ายกระทำการประชิดตัวเมื่อล่วงละเมิดทางเพศ และ หากโชคร้ายถูกล่วงละเมิดทางเพศต้องทำอย่างไรหลังจากนั้น ทั้งนี้ TNN ได้รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นมาไว้ดังต่อไปนี้
กรณีถูกคนร้ายประชิดตัวเพื่อล่วงละเมิดทางเพศ ทำอย่างไร?
หากคนร้ายประชิดตัว และอยู่กันตามลำพัง ควรปฏิบัติตนดังต่อไปนี้
1.พยายามรวบรวมสติอย่าตกใจจนเกินไป
2.ใช้น้ำเย็นเข้าลูบ หรือพูดจาถ่วงเวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
3.ใช้สายตาสำรวจหาทางหลบหนีออกมาจากสถานการณ์นั้นๆ
4.พยายามไม่ยั่วยุคนร้าย เพราะอาจทำให้คนร้ายใช้ความรุนแรง
5.คนร้ายอาจมีหลายจุดที่อาจจู่โจมได้ เช่น ดวงตา อวัยวะเพศ แต่ต้องให้แน่ใจว่าสามารถทำให้คนร้ายเจ็บจริง จนสามารถหลบหนีออกมาได้ หากไม่แน่ใจควรหลีกเลี่ยง ไม่เช่นนั้นอาจทำให้สถานการณ์แย่กว่าเดิม
กรณีถูกล่วงละเมิดทางเพศกลางฝูงชน ต้องปฏิบัติตนอย่างไร
กรณีอยู่ท่ามกลางฝูงชนหรือบริเวณที่มีผู้คน เช่น ถูกอนาจารบนรถเมล์ ไม่ควรอาย ให้ร้องขอความช่วยเหลือดังๆ หากพบว่ามีคนเดินตามในที่เปลี่ยว ควรตะโกนว่า “ไฟไหม้” อย่าตะโกนว่า “ช่วยด้วย” แล้ววิ่งหนีให้เร็วที่สุด
ควรแจ้งความหรือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงบันทึกประจำวันเพื่อนำตัวคนทำผิดมาลงโทษ หรืออย่างน้อยเพื่อเป็นการตักเตือนผู้กระทำผิด ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือต้องตั้งสติให้มั่นเพื่อที่จะเลือกวิธีเอาตัวรอดได้อย่างเหมาะสม
กรณีถูกล่วงละเมิดทางเพศแล้ว ต้องทำอย่างไร ?
ควรรีบให้แพทย์ตรวจร่างกายอย่างเร่งด่วนภายใน 24 ชั่วโมง ไม่ควรอาบน้ำหรือชำระล้างร่างกายหรือเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อให้สามารถเก็บหลักฐานได้ชัดเจนและครบถ้วน เพราะการตรวจร่างกายอย่างเร่งด่วนไม่ว่าจะตัดสินใจดำเนินคดีหรือไม่ จะเป็นผลดีในแง่การป้องกันการติดโรคจากเพศสัมพันธ์ ป้องกันการตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถทำได้ดีภายใน 48 ชั่วโมง และเมื่อตัดสินใจที่จะแจ้งความร้องทุกข์เมื่อใด พยานหลักฐานทางการแพทย์เหล่านี้จะเป็นประโยชน์ ว่าถูกละเมิดทางเพศจริง เพราะการดำเนินคดีการละเมิดทางเพศในประเทศไทยให้ความสำคัญกับผลการตรวจร่างกายของแพทย์เป็นสำคัญ
หลีกเลี่ยงการอยู่คนเดียวตามลำพัง เพราะอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่เป็นผลร้ายกับตนเอง เช่น ทำร้ายตนเอง พยายามฆ่าตัวตาย ให้กำลังใจตนเอง ไม่ควรลงโทษตนเอง เพราะไม่มีผู้ใดต้องการถูกข่มขืน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่ความผิดของตนเอง แต่เป็นความผิดของชายที่มากระทำต่างหาก ให้รำลึกอยู่เสมอว่า คุณค่า อนาคต ความสามารถของเรามิได้สูญเสียไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ควรตัดสินใจคลี่คลายปัญหาโดยอาจหาบุคคลที่ไว้ใจได้ เช่น พ่อแม่ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อร่วมกันคิดแก้ไขปัญหาหรือแจ้งความนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ เพื่อไม่ให้เขามีโอกาสมากระทำซ้ำ หรือไปกระทำกับคนอื่นอีก
ข้อมูลจาก : สสส.
ภาพจาก : AFP