“DNA” โบราณทำนักวิจัยทึ่ง เผยความเชื่อมโยงชาว “อียิปต์” และ “เมโสโปเตเมีย”

การทดสอบดีเอ็นเอกระดูกของชายโบราณที่เคยอาศัยอยู่บริเวณหุบเขาแถว แม่น้ำไนล์ (Nile Valley) เผยให้เห็นความเจริญรุ่งเรืองของ อารยธรรมอียิปต์โบราณ ในมุมมองใหม่ โดยพบความเชื่อมโยงกับหนึ่งในอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ในสมัยนั้น ซึ่งก็คือ “เมโสโปเตเมีย” หรือบริเวณ “อิรัก” ในปัจจุบัน
DNA โบราณมาจากไหน?
ดีเอ็นเอดังกล่าวถูกนำมาจากกระดูกในหูชั้นในและฟันของชายคนหนึ่ง ที่ฝังอยู่ในหมู่บ้านนูไวรัต (Nuwayrat) ห่างจากกรุงไคโรไปทางใต้ 265 กิโลเมตร และเสียชีวิตเมื่อประมาณ 4,500 - 4,800 ปีก่อน ใกล้ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ในยุคที่อียิปต์และเมโสโปเตเมียถือกำเนิดขึ้น
พบอะไรใน DNA โบราณ?
จากการวิเคราะห์โครงกระดูกแสดงให้เห็นว่าชายคนนี้มีอายุ 60 ปีและอาจทำงานเป็นช่างปั้นหม้อ โดยดีเอ็นเอหนึ่งในห้าของเขา มาจากบรรพบุรุษที่อาศัยอยู่ห่างออกไป 1,500 กิโลเมตร ตรงกับพื้นที่อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
การค้นพบนี้สอดคล้องกับหลักฐานทางโบราณคดีที่บ่งชี้ว่า ทั้งสองภูมิภาคนี้อาจมีการติดต่อกันอย่างน้อยราว 10,000 ปีก่อน เมื่อผู้คนในเมโสโปเตเมียเริ่มทำฟาร์ม และเลี้ยงสัตว์ ซึ่งนำไปสู่การเกิดขึ้นของสังคมเกษตรกรรม
ทำไมการวิเคราะห์ข้อมูล DNA จึงสำคัญ?
การค้นพบนี้จึงถือเป็นหลักฐานทางชีววิทยาชิ้นแรก ที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองอารยธรรม และอาจช่วยอธิบายได้ว่าอียิปต์เปลี่ยนแปลงจากชุมชนเกษตรกรรม ไปเป็นอารยธรรมที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่งของโลกได้อย่างไร
ศาสตราจารย์พอนทัส สโกกลุนด์ (Pontus Skoglund) แห่งสถาบันฟรานซิส คริก ในลอนดอน (London’s Crick Institute) ผู้นำงานวิจัยชิ้นนี้กล่าวว่า การสกัดและอ่านดีเอ็นเอจากกระดูกโบราณ ยังช่วยให้นักวิจัยมองเห็นเหตุการณ์และบุคคลต่าง ๆ ในอดีตได้ชัดเจนขึ้น นอกเหนือจากข้อมูลบันทึก ซึ่งอาจะมีความคลาดเคลื่อนตามมุมมองของผู้บันทึก หรือผู้ว่าจ้างในยุคนั้น
ขั้นต่อไปของงานวิจัยชิ้นนี้
อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ตัวอย่างดีเอ็นเอโบราณเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับขอบเขต และระยะเวลาของการเคลื่อนไหวระหว่างศูนย์กลางวัฒนธรรมทั้งสองแห่งต่อไป
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
