รีเซต

ฟอร์ด–ฮุนได ยอดขาย EV ร่วงหนัก หลังสหรัฐยุติเงินอุดหนุน

ฟอร์ด–ฮุนได ยอดขาย EV ร่วงหนัก หลังสหรัฐยุติเงินอุดหนุน
TNN ช่อง16
6 พฤศจิกายน 2568 ( 12:07 )
17

ยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ในสหรัฐอเมริกาลดฮวบในเดือนตุลาคม หลังรัฐบาลภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยุติการให้สิทธิประโยชน์เครดิตภาษีสูงสุด 7,500 ดอลลาร์ต่อคันสำหรับการซื้อรถ EV ใหม่ ส่งผลให้ผู้บริโภคเร่งซื้อก่อนสิ้นสุดโครงการในเดือนกันยายน และทำให้ตลาดในเดือนถัดมาชะลอตัวอย่างรุนแรง

ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่หลายรายเปิดเผยยอดขายที่ลดลงอย่างมาก โดย Ford Motor Company ซึ่งครองอันดับ 3 ในตลาดรถ EV สหรัฐฯ รายงานยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าลดลง ร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยรุ่น Mustang Mach-E ยอดขายหดตัวร้อยละ 12 และ F-150 Lightning รถกระบะไฟฟ้าหลักของบริษัท ลดลง ร้อยละ 17 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ Toyota Motor รายงานยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเดียวของบริษัท คือ BZ Series เหลือเพียง 18 คันในเดือนตุลาคม จากเดิมที่เคยขายได้กว่า 1,400 คันในช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการลดลงกว่าร้อยละ 98 สะท้อนความซบเซาของความต้องการในตลาด EV หลังขาดแรงจูงใจด้านภาษี

สำหรับกลุ่ม Hyundai Motor และแบรนด์ในเครือ Kia ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าหลักลดลงระหว่างร้อยละ 52–71 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะรุ่น Hyundai Ioniq 5 และ Ioniq 9 ที่มียอดขายหดตัวถึงร้อยละ 80 และ 71 ตามลำดับเมื่อเทียบเดือนต่อเดือน หลังเดือนกันยายนเพิ่งเป็นช่วงยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหมดสิทธิประโยชน์

ผู้บริหารของ Hyundai Motor North America ระบุว่า แม้ยอดขาย EV จะได้รับผลกระทบจากการสิ้นสุดเครดิตภาษี แต่บริษัทยังคงเห็นความต้องการที่แข็งแกร่งก่อนช่วงเปลี่ยนแปลง และเชื่อว่าตลาดจะปรับเข้าสู่จังหวะใหม่ ที่ผู้บริโภคซื้อด้วยความสนใจจริง ไม่ได้ขึ้นกับแรงกระตุ้นจากนโยบายรัฐ

ในทางกลับกัน ยอดขายรถยนต์ ไฮบริด (Hybrid) ของค่ายต่าง ๆ กลับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย โดย Hyundai รายงานว่ายอดขายไฮบริดในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้ยอดรวมรถยนต์กลุ่ม Electrified ของบริษัท (รวมทั้ง EV และ Hybrid) ยังขยายตัวได้ราว ร้อยละ 8 แม้ว่ายอดขายรถ EV เพียวจะลดลงถึงร้อยละ 57 ก็ตาม

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมประเมินว่า การสิ้นสุดของเครดิตภาษีจะทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ เข้าสู่ช่วงรีเซ็ต โดยเป็นการเปลี่ยนผ่านจากตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยแรงจูงใจภายนอก ไปสู่ตลาดที่สะท้อนอุปสงค์แท้จริงของผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นบททดสอบสำคัญของค่ายรถในการวัดความแข็งแกร่งของแบรนด์และความคุ้มค่าของผลิตภัณฑ์

ข้อมูลจาก Motor Intelligence ระบุว่า ในช่วงไตรมาสสามที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสหรัฐฯ มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 438,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.7 จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.6 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมี Tesla ครองส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 43.1 และ General Motors อยู่ที่ร้อยละ 13.8

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้กำลังกลายเป็นจุดชี้วัดทิศทางใหม่ของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าโลก ว่าความยั่งยืนของดีมานด์ในยุคหลังสิทธิประโยชน์ภาครัฐจะเป็นอย่างไร และผู้ผลิตจะสามารถสร้างแรงจูงใจทางคุณค่าได้เพียงพอหรือไม่ ทั้งในด้านเทคโนโลยี ประสิทธิภาพ และราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่ายุครถยนต์ไฟฟ้า จะก้าวต่อไปด้วยแรงผลักจากนโยบาย หรือด้วยพลังของตลาดอย่างแท้จริง 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง