เจนซี "จีน" เป็นฮีโร่ไม่รู้ตัว ใช้จ่ายตามอารมณ์ = ช่วยชาติ ?

อยากได้ก็ต้องซื้อ - ของมันต้องมี - ซื้อแล้วมีความสุข
ยอมอดข้าวหรือกินของถูกๆ แต่ได้ซื้อกาแฟหรือชาไข่มุกเจ้าอร่อยแพงหน่อยแต่ก็ยอม
บางคนก็ซื้อเสื้อผ้าน้อยลง เพราะจะได้เอาเงินไปซื้อกล่องสุ่ม หรือบัตรคอนเสิร์ต
สิ่งที่พูดมาทั้งหมด เป็นการใช้จ่ายที่หลายคนอาจจะเป็นอยู่
รวมไปถึงที่ประเทศจีน ที่มีข่าวว่า คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่นิยมช็อปปิ้งตามอารมณ์
และสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่จะเลวร้ายเสมอไป
เพราะมีรายงานว่าความฟุ่มเฟือยเหล่านี้กำลังช่วยประคองหรือพยุงเศรษฐกิจจีนเอาไว้
แบบที่คนเจนซีแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างมหาอำนาจ "สหรัฐฯ และ จีน"
เราอาจจะได้เห็นรายงานว่าผู้คนเริ่มใช้ชีวิตอยู่บนความกังวลใจ
ประชาชนเริ่มรัดเข็มขัด ไม่กล้าใช้จ่าย แม้กระทั่งการกินข้าวนอกบ้านยังลดลง
เช่น แมคโดนัลด์ ในสหรัฐอเมริกา ยอดขายต่ำสุดในรอบ 5 ปี จากการที่ลูกค้ากลุ่มหลัก
ซึ่งก็คือกลุ่มรายได้น้อยถึงปานกลางเข้าร้านน้อยลง เพราะตัดการใช้เงินซื้อของกินนอกบ้าน
แต่ในขณะเดียวกันมองที่ไปจีน มีความเคลื่อนไหวน่าสนใจ
ระบุว่าคนรุ่นใหม่พร้อมจ่ายเงิน ช็อปปิ้่งตามอารมณ์ ไม่สนใจเรื่องเศรษฐกิจ
อ้างอิงเรื่องนี้จากบทความจากสำนักข่าว Bloomberg เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2025
รายงานว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ของจีน (Gen Z) กำลังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศของตนเอง
ด้วยพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เรียกว่า การใช้จ่ายเชิงอารมณ์ (emotional spending)
เนื่องจากประเทศจีนกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
และรับแรงกระแทกจากภาษีทรัมป์
หรือการขึ้นภาษีศุลกากรครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์
ด้วยอัตราที่มากกว่า 100 % โดยประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ
เนื่องจากต้องการตอบโต้ประเทศจีนที่เป็นคู่หลักรายใหญ่ที่สุด
ที่ทางการสหรัฐฯนั้นต้องขาดดุลการค้า
แม้สถานการณ์จะผ่อนคลายลงไปบ้าง จากการที่ทั้งสองฝ่ายหันมาเข้าสู่โต๊ะเจรจา
พร้อมประกาศ "พักรบภาษี" ระงับการขึ้นเพิ่มเติมชั่วคราว 90 วัน
โดยสหรัฐฯ ลดภาษีจาก 145% เหลือ 30%
และจีนลดภาษีจาก 125% เหลือ 10%
ข้อตกลงนี้ช่วยลดความตึงเครียดทางการค้าและส่งสัญญาณถึงความร่วมมือที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
แต่คำตอบปลายทางของเรื่องนี้ก็ยังไม่ชัดเจน
ข้อมูลระบุว่าตอนนี้แม้เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวจากปัจจัยต่างประเทศและภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้น
แต่ Gen Z ของจีนกลับมีแนวโน้มใช้จ่ายเงินในสินค้าที่ให้ความสุขทางใจ
เป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม เฉพาะทาง เช่น ของเล่นสะสม กล่องสุ่ม เครื่องประดับ
ชานมไข่มุกเจ้าดังหรือกาแฟราคาแพงๆ
ซื้อคอร์สเรียนออนไลน์หรือบริการสมัครสมาชิกแม้ไม่จำเป็น
พฤติกรรมนี้เรียกว่า "การใช้จ่ายเชิงอารมณ์" (emotional spending)
ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายของบริษัทต่าง ๆ ที่ตอบสนองความต้องการเหล่านี้
โดยกลุ่ม Gen Z (เจน ซี) หรือ Generation Z กลุ่มนี้มีอายุประมาณ 13–28 ปี
ถือเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในประเทศจีน
ตัวอย่างที่ชัดเจน และคนไทยก็รู้จักกันดี เช่น การซื้อกล่องสุ่ม หรือกล่องจุ่ม Art Toy
ที่ยังคงทำยอดขาย และการเติบโตสวนตลาดอื่นๆได้
โดยเฉพาะเจ้าใหญ่ของตลาด บริษัท Pop Mart ซึ่งเป็นของจีน
เป็นจ้าวแห่งกล่องสุ่ม Art Toys ที่โตเร็วสุดในจีน
Art Toy ของ POPMART เป็นการซื้อของเล่นโดยระบบสุ่ม
เพื่อให้คนซื้อได้ลุ้นและสะสมเป็นคอลเลกชั่นต่างๆ
ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ Gen Z ของจีน
เป็นของเล่นที่คนเล่นไม่ใช่แค่เด็กแต่คือผู้ใหญ่หรือวัยทำงาน
โดยเฉพาะลิซ่า ศิลปินชาวไทยระดับโลกก็คลั่งไคล้ อย่างหนัก และยังทำให้กระแสนี้ถูกพูดถึงขยายไปทั่วโลก
ขณะที่ยอดขายและมูลค่าหุ้นของบริษัทก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
นักลงทุนต่างให้ความสนใจในบริษัท
ที่สามารถตอบสนองความต้องการทางอารมณ์ของผู้บริโภคกลุ่มนี้
บริษัทป๊อปมาร์ท อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (Pop Mart International Group)
ของจีนประกาศจะขยายธุรกิจทั่วโลกต่อไป โดยมุ่งเน้นที่ทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป
หลังรายงานผลกำไรที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในปีที่ผ่านมา
อันเป็นผลจากความนิยมของตุ๊กตาลาบูบู้ (Labubu) ซึ่งได้รับความชื่นชอบจากเหล่าคนดัง
ป๊อปมาร์ท กลายเป็นหนึ่งในหุ้นที่ร้อนแรงที่สุด โดยราคาหุ้นพุ่งขึ้น 350% ในปีที่ผ่านมา
รายได้สุทธิของป๊อปมาร์ทเพิ่มขึ้น 188% แตะระดับ 3.1 พันล้านหยวน (427 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2567
เทียบกับ 1.1 พันล้านหยวนในปี 2566 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 2.71 พันล้านหยวน
ขณะที่ยอดขายทั้งปีเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวแตะ 1.3 หมื่นล้านหยวน
ที่สำคัญคือ การใช้จ่ายเชิงอารมณ์ของ Gen Z จีนไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภค
ที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์และความสุขส่วนตัวมากกว่าการออมเงิน
"Emotional Spending" ใช้จ่ายตามอารมณ์
แม้ในมุมนึงวันนี้จะเป็นฮีโร่ประคองเศรษฐกิจจีนและหลายประเทศท่ามกลางภาวะวิกฤตได้
แต่ในชีวิตจริงก็ไม่ใช่หนทางที่ดีสำหรับตัวเรา ไม่ควรทำบ่อยนัก
ถามว่าเราอยู่ในกลุ่มนี้หรือมั้ย ไม่จำเป็นต้องเป็นเจนซี คนรุ่นใหม่
ก็ต้องระวังเช่นกัน - มาเช็กตัวเองกันดู
ถามตัวเองกันดู ใครเป็นแบบนี้กันบ้าง ?
- ชอบช้อปออนไลน์ช่วงดึก
- ชอบซื้อของตกแต่งบ้าน
- ซื้อของแพงเพื่อเป็นรางวัลให้ตัวเอง
- เข้าไปดูไปเลือกในแอปซื้อของไปเรื่อยๆโดยที่ไม่มีเป้าหมายว่าจะซื้ออะไร
ทั้งหมดที่ว่า คือ Emotional Spending
เป็นการใช้จ่ายที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์
หมายถึง พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ตัดสินใจใช้เงินไปกับสินค้าและบริการโดยมีแรงผลักดันจากอารมณ์
ความรู้สึก หรือสภาวะทางจิตใจ เช่น ความเครียด ความเหงา ความดีใจ หรือความเบื่อหน่าย
มากกว่าการพิจารณาความจำเป็นทางเหตุผล หรือขาดการวางแผนทางการเงิน
ซึ่งซื้อเหล่านี้อาจจะมาจากปัจจัยทางอารมณ์ที่เราอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นอยู่
เช่น มีความเครียดหรือกดดัน จึงช้อปออนไลน์ช่วงดึกเพื่อผ่อนคลาย
รู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยว จึงซื้อของตกแต่งบ้านเพิ่มความอบอุ่น
รู้สึกเฉลิมฉลอง ซื้อของแพงเพื่อเป็นรางวัลให้ตัวเอง
รู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิต เลยใช้เวลากับแอปซื้อของโดยไม่มีเป้าหมาย
ลักษณะสำคัญของการใช้จ่ายที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์
1. ไม่ได้เกิดจากความจำเป็น เช่น การซื้อของฟุ่มเฟือยโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า
2. เกี่ยวข้องกับสภาวะจิตใจ เช่น ช้อปปิ้งหลังทะเลาะกับคนรัก หรือซื้อของรางวัลให้ตัวเองหลังจากทำงานหนัก
3. ให้ความรู้สึกปลอบประโลมชั่วคราว ผู้บริโภคมักรู้สึกดีขึ้นในระยะสั้น แต่ในระยะยาวอาจรู้สึกผิดหรือเครียดเรื่องเงิน
ถามว่าทำไม Gen Z โดยเฉพาะในจีนจึงมีแนวโน้มใช้จ่ายแบบขับเคลื่อนด้วยอารมณ์มากกว่ากลุ่มอื่น
1. โตมากับความไม่มั่นคง Gen Z ในจีนเติบโตช่วงหลังภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการแข่งขันสูง
2. ค่านิยม “บำบัดตนเอง” เชื่อว่าการใช้จ่ายเล็กน้อยช่วยเยียวยาความเครียดในชีวิตประจำวัน
3. อิทธิพลโซเชียลมีเดีย เห็นสินค้า “น่ารัก” หรือ “อินเทรนด์” บน Douyin (TikTok จีน), Xiaohongshu ฯลฯ
4. เข้าถึงช่องทางการซื้อสะดวก ใช้แอปอย่าง Taobao, WeChat Pay, Alipay ทำให้การซื้อเป็นเรื่องง่ายและเร็ว
5. ใช้ชีวิตแบบ “ปัจจุบันนิยม” มีแนวโน้มไม่วางแผนอนาคตทางการเงินระยะยาวมากนัก เน้นความสุขระยะสั้น
ผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจ
เชิงบวก: กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วยบรรเทาความรู้สึกด้านลบ
* ช่วยกระตุ้นยอดขายในธุรกิจค้าปลีก ความบันเทิง และสินค้าไลฟ์สไตล์
* ทำให้บริษัทจีนจำนวนมากหันมาโฟกัสตลาด Gen Z โดยเฉพาะ
* กลายเป็น “พลังผู้บริโภค” ใหม่ ที่ทดแทนการลงทุนภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอตัว
เชิงลบ:ก่อให้เกิดหนี้สิน ความรู้สึกผิด และพฤติกรรมบริโภคที่ไม่ยั่งยืน
อาจสร้างวัฒนธรรมการใช้จ่ายเกินตัว
ก่อให้เกิดหนี้สินในกลุ่มเยาวชน
การใช้จ่ายจากอารมณ์แทนเหตุผลส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพการเงิน