"ชิป" สายลับจากสหรัฐฯ คืออะไร? ทำไมจีนถึงกลัว กระแสแรง ป่วนตลาดส่งออกเทคโนโลยี

สงครามเทคโนโลยี สหรัฐฯ-จีน ปั่นป่วนอีกครั้ง จากปมส่งออก "ชิปเอไอ"
"ชิป-สายลับ" มีจริงหรือไม่? เมื่อทางการจีนกังวลว่าชิปเอไอ ที่ผลิตจากสหรัฐฯที่ถูกส่งออกเข้ามายังประเทศจีน จะไม่ปลอดภัย กลัวว่าจะสามารถติดตามตำแหน่งและปิดระบบได้ในระยะไกล ถึงขั้นเตือนให้บริษัทต่างๆ งดใช้ชิปจากสหรัฐฯ จนอาจเป็นการจุดชนวนความตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง
สงครามเทคโนโลยียังคงร้อนระอุ เมื่อการส่งออกเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศมหาอำนาจ สหรัฐฯ และจีน กลายเป็นประเด็นความมั่นคงระหว่างประเทศ และนับวันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นไปอีก เมื่ออยู่ภายในนโยบายค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดเรื่องนี้ได้กลายเป็นเดิมพันหรือตัวต่อรองสำคัญระหว่างสองชาติ โดยสหรัฐฯ มีชิป และจีนมีแร่หายาก ซึ่งทั้งสองอย่างล้วนแต่มีความสำคัญต่อวงจรอุตสาหกรรม และมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างยิ่ง ในระดับที่ทั้งสองประเทศขาดไม่ได้
แต่ล่าสุดสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ ได้มีการผ่อนปรนนโยบายดังกล่าว และพร้อมกลับมาจัดส่งชิปให้กับประเทศจีนอีกครั้ง แต่มีเงื่อนไขหลายอย่าง ตั้งแต่การลดเสปกของชิป GPU ขั้นสูงให้ต่ำลง ไปจนถึงการรับส่วนแบ่งรายได้จากการขายให้กับรัฐบาล หรือพูดง่ายๆ ขอกินหัวคิวค่าส่งออกจากสินค้าเหล่านี้
รายงานจากสื่อต่างประเทศระบุว่าบริษัทชิปยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกา อินวิเดีย (Nvidia) และ Advanced Micro Devices (AMD) ได้ตกลงที่จะมอบรายได้ 15% ของยอดขายชิปเซมิคอนดักเตอร์ในจีนให้กับสหรัฐฯ โดยข้อตกลงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงเพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตในการส่งออกไปยังจีน ซึ่งภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว อินวิเดียจะมอบรายได้ 15% จากการจำหน่ายชิป H20 ในจีนให้แก่รัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่เอเอ็มดีจะมอบรายได้ในสัดส่วนเดียวกันจากรายได้จากชิป MI308
ขณะเดียวกันทางทำเนียบขาวเปิดเผยว่า นโยบายการแบ่งรายได้ดังกล่าวอาจจะถูกขยายไปยังบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ด้วย โดย Karoline Leavitt โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า ขณะนี้มาตรการครอบคลุมเพียง 2 บริษัทนี้ แต่ก็อาจขยายไปยังบริษัทอื่นได้ พร้อมเสริมว่า ประเด็นด้านกฎหมายและขั้นตอนการปฏิบัติทั้งหมด สำหรับจัดทำภาษีส่งออก 15% ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาโดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ
ส่วนความเห็นเรื่องนี้จากทรัมป์ หลังจากได้ออกมายืนยันว่าได้บรรลุข้อตกลงกับ Nvidia และ AMD ก็กล่าวว่า เขาอยากให้บริษัทต่างๆ จ่ายบางอย่างให้ประเทศ แลกกับการได้รับอนุญาตทางการค้า โดยก่อนหน้านี้ไม่ถึงสัปดาห์ทรัมป์เคยออกมากล่าวว่า เขาจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์และชิปในอัตรา 100% เว้นแต่ว่าบริษัทนั้นจะตั้งโรงงานผลิตในสหรัฐฯ หรือแค่วางแผนจะลงทุนและผลิตในสหรัฐฯก็ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นักกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าบางรายเตือนว่าข้อตกลงของทรัมป์ในการแบ่งรายได้ที่ว่านี้อาจจะซับซ้อนกว่าที่คิด เนื่องจากกฎหมายที่มีอยู่ของสหรัฐฯ มีการกำหนดข้อจำกัดในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากใบอนุญาตส่งออก
ขณะที่ความเห็นจากนักวิเคราะห์ ชาร์ลี ได รองประธานและนักวิเคราะห์หลักของฟอร์เรสเตอร์ (Forrester) บริษัทวิจัยระดับโลก ระบุว่าข้อตกลงดังกล่าวไม่เคยมี ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นับเป็นการตอกย้ำถึงต้นทุนที่สูงในการเข้าถึงตลาด ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าด้านเทคโนโลยีที่ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งสร้างแรงกดดันทางการเงินอย่างมหาศาลและความไม่แน่นอนเชิงกลยุทธ์แก่บรรดาผู้จำหน่ายเทคโนโลยี
"จีน" ประกาศเตือนทุกหน่วยงานเลี่ยงใช้ชิป H20 หวั่นกระทบความมั่นคง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทางการจีนได้ออกหนังสือเตือนให้บริษัทต่างๆในประเทศหลีกเลี่ยงการใช้ชิป H20 ของอินวิเดีย (Nvidia) พร้อมทั้งกำชับเป็นพิเศษว่าห้ามใช้ชิป H20 ของอินวิเดียสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลหรือความมั่นคงของชาติ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทของรัฐหรือเอกชนก็ตาม
ขณะที่รายงานของ Financial Times ระบุว่าบริษัทจีนบางแห่งเริ่มวางแผนลดคำสั่งซื้อชิป Nvidia หลังได้รับหนังสือแจ้งดังกล่าว
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่สื่อของรัฐบาลจีนแสดงความกังวลด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับชิป H20 โดยได้ออกมาแสดงความกังวลเรื่องช่องโหว่ (backdoor) ในชิปดังกล่าว ทั้งยังมองว่าชิปรุ่นนี้ไม่ได้ล้ำหน้าทางเทคโนโลยีหรือเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
ทั้งนี้ อินวิเดียได้พัฒนาชิป AI รุ่น H20 ขึ้นมาเพื่อตลาดจีนโดยเฉพาะ หลังจากที่สหรัฐฯ กำหนดข้อจำกัดในการส่งออกชิป AI ขั้นสูงเมื่อปลายปี 2566 ดังนั้นตัวของชิปจึงเป็นรุ่นที่ลดประสิทธิภาพลง เพื่อให้สอดคล้องกับข้อควบคุมการส่งออกของสหรัฐ
โดยที่ผ่านมาเป็นเวลาหลายปีที่ทางการสหรัฐฯ ได้อ้างถึงควบคุมการส่งออกชิป AI ของ Nvidia ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ ระบุว่าเทคโนโลยีดังกล่าวอาจถูกนำไปใช้ช่วยให้จีนพัฒนา AI แซงหน้าสหรัฐฯ หรือถูกนำไปใช้โดยกองทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของจีน
ก่อนหน้านี้เมื่อต้นปีนี้ Nvidia คาดว่าจะขายชิป H20 ได้มากกว่า 8 พันล้านดอลลาร์ภายในไตรมาสเดียว แต่หลังจากนั้นไม่นานรัฐบาลทรัมป์ก็ได้ประกาศสั่งห้ามการขายชิปเหล่านี้ในเดือนเมษายน จากความตึงเครียดทางการค้ากับจีนเพิ่มสูงขึ้น ก่อนที่ยกเลิกคำสั่งเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ เจนเซ่น หวง (Jensen Huang) ซีอีโอของ Nvidia ได้เดินทางไปเยือนทำเนียบขาว
สำนักบริหารไซเบอร์สเปซแห่งประเทศจีน (CAC) ได้เรียกเจ้าหน้าที่ของบริษัทอินวิเดีย เข้าชี้แจงว่า ชิป AI รุ่น H20 ที่อินวิเดียจำหน่ายให้กับจีนนั้น มีความเสี่ยงด้านความมั่นคงหรือไม่ ขณะที่ทางฟากฝั่งสหรัฐฯ เอง ก็มีสมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติบางคนของสหรัฐฯ ที่ได้ออกมาเรียกร้องให้ชิปขั้นสูงที่ส่งออกไปยังต่างประเทศต้องติดตั้งฟังก์ชัน “การติดตามและระบุตำแหน่ง” (tracking and positioning) เอาไว้ด้วย
CAC ระบุในแถลงการณ์ว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เทคโนโลยี “การติดตามและระบุตำแหน่ง” และ “การปิดระบบจากระยะไกล” (remote shutdown) ของชิปอินวิเดีย ถือเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสร้างความวิตกกังวลให้กับจีน
ด้านโฆษกของอินวิเดียได้ออกมาตอบโต้เรื่องนี้ยืนยันว่า ความปลอดภัยทางไซเบอร์มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัท และอินวิเดียไม่ได้สร้าง ‘ช่องโหว่’ ในชิปที่จะทำให้ใครก็ตามสามารถเข้าถึงหรือควบคุมชิปจากระยะไกลได้
รอยเตอร์ รายงานตีแผ่ ชิปติดตามพิกัดของสหรัฐฯ มีอยู่จริง
แต่อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์ ได้ออกรายงานพิเศษเรื่องนี้ พร้อมอ้างอิงแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ที่ออกมายืนยันว่าทางการสหรัฐฯ มีการติดตั้งอุปกรณ์ตามพิกัดในการส่งออกขั้นสูงจริง โดยเป็นการแอบติดตั้งอุปกรณ์ติดตามพิกัดในบางการขนส่งชิปขั้นสูง ที่ถูกมองว่ามีความเสี่ยงสูงต่อการถูกลักลอบส่งออกอย่างผิดกฎหมายไปยังจีน ซึ่งเป็นยุทธวิธีด้านการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เคยมีการเปิดเผยมาก่อน มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อตรวจจับการส่งชิป AI ไปยังปลายทางที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ และใช้เฉพาะกับการขนส่งที่อยู่ระหว่างการสืบสวนเท่านั้น
แหล่งข่าวระบุว่า การดำเนินการนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามอย่างยิ่งของสหรัฐฯ ในการบังคับใช้ข้อจำกัดการส่งออกชิปไปยังจีน แม้ว่ารัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์จะพยายามผ่อนคลายข้อจำกัดบางประการต่อการเข้าฯของจีน อุปกรณ์ติดตามสามารถช่วยสร้างหลักฐานเอาผิดบุคคลหรือบริษัทที่ได้กำไรจากการละเมิดกฎควบคุมการส่งออกของสหรัฐ
อุปกรณ์ติดตามพิกัดเป็นเครื่องมือสืบสวนที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายสหรัฐใช้มานานหลายสิบปี เพื่อเฝ้าติดตามสินค้าที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออก เช่น ชิ้นส่วนเครื่องบิน และในช่วงไม่กี่ปีมานี้ก็ถูกนำมาใช้ต่อต้านการลักลอบส่งออกเซมิคอนดักเตอร์เช่นกัน
อย่างไรก็ตามทางรอยเตอร์ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีการใช้อุปกรณ์ติดตามบ่อยเพียงใด หรือเริ่มใช้ตั้งแต่เมื่อใด แต่สหรัฐฯเริ่มจำกัดการขายชิปขั้นสูงจาก Nvidia, AMD และผู้ผลิตรายอื่นให้กับจีนตั้งแต่ปี 2565
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
