SNNPผุดเอ็นเนอร์จี้ดริงก์ เตรียมวางขายสิงหาคมนี้
SNNP แตกไลน์โปรดักต์ “เอ็นเนอร์จี้ ดริ้ง ผสมสารสกัดใบกระท่อม” อัพฐานปั๊มยอดขายเพิ่ม ดีเดย์เปิดตัว 1 สิงหาคมนี้ วางเป้าโกยมาร์เก็ตแชร์ 5%ภายใน 3 ปี พร้อมส่งซิก Q3/2566 ฟอร์มแจ่ม อานิสงส์โปรดักต์ใหม่หนุน ส่วนปีนี้วางเป้ายอดขายราว 6.5 พันล้านบาท แถมล่าสุดผู้บริหาร "กิตติยา ชัยสถาพร" เก็บหุ้นเข้าพอร์ตเพิ่ม 5 แสนหุ้น
นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนขยายไลน์สินค้าใหม่เพิ่มเติม คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผสมสารสกัดใบกระท่อม (ชนิดน้ำ) ภายใต้แบรนด์ “เมจิก ฟาร์ม เฟรช” เพื่อขยายฐานในกลุ่มเสริมสร้างพลังงาน (เอ็นเนอร์จี้ ดริงก์) เพิ่มเติม หลังแนวโน้มตลาดดังกล่าวเติบโตอย่างโดดเด่น จึงมองเป็นโอกาสในการสร้างยอดขายให้กับบริษัทในอนาคต คาดน่าจะได้เห็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2566
“ปัจจุบันตลาด "เอ็นเนอร์จี้ ดริงก์" มีมูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งการนำสารสกัดจากใบกระท่อมมาผสมในผลิตภัณฑ์ครั้งนี้เป็นรายแรกของประเทศไทย โดยจากนี้คงทำตลาดในส่วนนี้ให้มากขึ้นต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปีนับจากนี้จะมีส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์ในกลุ่ม "เอ็นเนอร์จี้ ดริงก์" ประมาณ 5% ตลอดจนกลายเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทให้ดียิ่งขึ้นอีกทางหนึ่ง”
ส่วนทิศทางผลงานในไตรมาส 3/2566 ทางSNNP คาดน่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2566 เนื่องจากธุรกิจจะมีการรับรู้ยอดขายจากโปรดักต์ที่เปิดใหม่มาเต็มไตรมาส ประกอบกับธุรกิจมีการทำตลาดเพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม ส่งผลให้ฐานลูกค้าของบริษัทขยายตัว
*ยอดขาย 6.5 พันล.
ทั้งนี้ ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2566 ทางSNNP ได้เปิดตัวสินค้าคือ "โลตัสขาไก่ รสหม่าล่า" ตามติดด้วย"ขนมรูปน่องไก่โลตัส ทรัฟเฟิล" มาพร้อมรสชาติความอร่อยแบบพรีเมียม และเริ่มออกสินค้าใหม่ คือ "โลตัสปูอัดกรอบ รสหม่าล่า" และ"รสแซ่บซี้ด" นับเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยว ที่มีความแตกต่างรายแรกของไทยได้อย่างชัดเจน
โดยขนม "โลตัสขาไก่ รสหม่าล่า" ให้รสชาติเผ็ดจัดจ้านเต็มรสหม่าล่า กรอบ อร่อย ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกที่ ทุกช่วงเวลา เพื่อกระตุ้นยอดขายเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี ในปี2566 ทาง SNNP ตั้งเป้ายอดขายไว้ราว 6.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี2565 ผลมาจากธุรกิจมีการนำเสนอโปรดักต์ใหม่ต่อเนื่อง เพื่อทำตลาดลูกค้าให้กว้างขึ้น ตลอดจนยังมีกำลังผลิตใหม่จากโรงงานในเวียดนามเข้ามาเสริม ตลอดจนธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ล่าสุดทางผู้บริหารคุณกิตติยา ชัยสถาพร ได้เข้าทำการซื้อหุ้นของSNNP จำนวน 5 แสนหุ้น ที่ราคา 21.60 บาท เป็นเงิน 10,800,000 บาท (อิงข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ณ วันที่ 24 ก.ค. 2566)
*กำไรฟูเป้า 30 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง SNNP ว่า แนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมาย 30 บาท เนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิในครึ่งปีหลังจะเติบโต 38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเติบโต 29% จากครึ่งปีแรก ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้รวมขยายตัว ทั้งในประเทศที่ขยายตัว โดยมาจากสินค้าใหม่ที่ได้รับการตอบรับที่ดีต่อเนื่อง รวมถึงเข้าสู่ไฮซีซันของขนมขบเคี้ยว (Snack) ด้านต่างประเทศ มีการเติบโตเด่นจากการรับรู้กำลังการผลิตเวียดนามครบทั้ง3 เฟส โดย Bento เริ่ม Commercial Run ในไตรมาส 3/2566 และ Jele ในไตรมาส4/2566, รายได้ที่กัมพูชาฟื้นตัว
ด้านราคาข้าวสาลีที่ปรับตัวขึ้น มองว่าส่งผลกระทบที่จำกัดและมีผลเพียงเล็กน้อย ซึ่งราคาข้าวสาลี 2 เดือนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นประมาณ 20% เนื่องจากสัญญาณความตึงเครียดย่านทะเลดำ ทั้งนี้แป้งสาลีมีสัดส่วนที่ 3% COGS (ใช้ใน Lotus, Biscuit ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ที่ 15% ของรายได้รวม) อีกทั้ง SNNP ซื้อแป้งสาลีจากซัพพลายเออร์หลายราย ทำให้มีความสามารถในการต่อรองเรื่องราคา แม้ราคาข้าวสาลีปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ทางผู้ผลิตแป้งสาลี จะมีการล็อคราคาไว้ที่ 6-8 เดือน ดังนั้นทำให้ต้นทุนแป้งสาลียังไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะสั้น