สปสช.ย้ำ ผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสัญญาคลินิก 64 แห่งใน กทม. สามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการใหม่ได้เลย ไม่ต้องกลับไปขอเวชระเบียนจากคลินิกเดิมอีก ชี้หน่วยบริการใหม่สามารถเรียกดูประวัติการรักษาจากฐานข้อมูลและรักษาต่อได้ทันที
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงกรณีที่คลินิกชุมชนอบอุ่นที่ทุจริตการเบิกจ่ายเงินส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคจาก สปสช. และถูกยกเลิกสัญญาไปเมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการเรียกเก็บค่าเวชระเบียนจากผู้ป่วยที่เคยรักษาอยู่เดิมและต้องการประวัติการรักษาเพื่อไปรับบริการที่หน่วยบริการแห่งใหม่
อย่างไรก็ดี ขอยืนยันว่า ประชาชนไม่มีความจำเป็นต้องกลับไปขอประวัติการรักษาจากหน่วยบริการเดิม โดยเมื่อผู้รับบริการไปใช้สิทธิบัตรทองที่หน่วยบริการแห่งใหม่ให้นำบัตรประชาชนไปด้วยทุกครั้ง เนื่องจากทางหน่วยบริการสามารถเข้าถึงข้อมูลการรักษาเพื่อการดูแลต่อเนื่อง
"เรื่องประชาชนถูกเก็บค่าเวชระเบียนเราพบปัญหานี้ตั้งแต่ตอนยกเลิกสัญญากับคลินิกชุมชนอบอุ่น ทั้งนี้ สปสช.ได้ทำการเชื่อมประวัติของคนไข้ให้หน่วยบริการที่ยังทำงานร่วมกับ สปสช. เข้ามาตรวจสอบประวัติการรักษาได้ โดยมี 4 เงื่อนไข คือ 1.ผู้ที่เข้ามาดูประวัติต้องเป็นบุคลากรวิชาชีพของหน่วยบริการ เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เป็นต้น 2.เจ้าหน้าที่เข้ามาดูประวัติต้องเสียบบัตรประชาชนกับเครื่องอ่าน Smart Card 3. กรณีประชาชนเจ็บป่วยและไปรักษาพยาบาลที่หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถแจ้งหน่วยบริการเพื่อเรียกดูประวัติการรักษาพยาบาลจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ และ 4.ประชาชนต้องลงนามในแบบยินยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว" นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวอีกว่า ขอย้ำว่าผู้ป่วยไม่มีความจำเป็นต้องเสียเงินค่าเวชระเบียนอีก เช่น หากยาหมด ก็สามารถไปที่ศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม. หรือโรงพยาบาลรัฐ/เอกชน ที่ยังทำงานกับ สปสช. ได้เลย หน่วยบริการจะทราบอยู่แล้วว่าสามารถเรียกดูข้อมูลการรักษาได้
ภาพโดย Steve Buissinne จาก Pixabay