รีเซต

"หยวนต้า" มองสถานการณ์ "ตะวันออกกลาง" เดือด กดดัน "หุ้นพลังงาน" แนะ Selective Buy

"หยวนต้า" มองสถานการณ์ "ตะวันออกกลาง" เดือด กดดัน "หุ้นพลังงาน" แนะ Selective Buy
TNN ช่อง16
23 มิถุนายน 2568 ( 09:49 )
10

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 2Q25 สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ระดับ 1.47 หมื่นล้านบาท เติบโต 15% QoQ และ 11% YoY (บนสมมติฐานกำไรปกติเสมือนของ GULF ในช่วง 2Q24 ที่ระดับ 4.61 พันล้านบาท) โดยคาดกำไรปกติของกลุ่มฯ จะยังสามารถเติบโตได้แม้กำไรปกติของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP มีแนวโน้มลดลงจากการเริ่มรับรู้ผลกระทบของการปรับลดค่าไฟฟ้าลงเป็น 3.98 บาท/หน่วย ตั้งแต่เดือน พ.ค.

เพราะได้แรงหนุนจาก 1)การปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าที่น้อยลง 2)การเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ในตลาด PJM (BCPG, GULF, EGCO) ที่เพิ่มขึ้นหลังการปรับขึ้นค่าความพร้อมจ่ายในเดือน มิ.ย. 3)ปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว และ 4)ปัจจัยเฉพาะตัวของ GULF (ส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ที่เพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นราคา Package หลัก และการรับรู้รายได้จากเงินปันผลของ KBANK)

ขณะที่ YoY คาดกำไรปกติของกลุ่มฯ สามารถเติบโตได้โดยมีสาเหตุหลักมาจากปริมาณน้ำในลาวที่ฟื้นตัว และการปรับขึ้นค่าความพร้อมจ่ายในตลาดไฟฟ้าสหรัฐฯ แม้กำไรปกติของกลุ่มฯ ยังมีแนวโน้มเติบโตได้แต่คาดการฟื้นตัวของราคาหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าในระยะสั้น-กลางจะยังคงถูกกดดันจากความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่เร่งตัวขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ

โดยสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีความตึงเครียดมากขึ้นอาจส่งผลให้ราคาต้นทุนก๊าซธรรมชาติของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น (ในกรณีที่มีการปิดช่องแคบฮอร์มุซซึ่งเป็นช่องทางการขนส่งน้ำมันและ LNG ของโลก) และกดดันอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มฯ เนื่องจากคาดการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าเพื่อสะท้อนต้นทุนทำได้จำกัด ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศที่เริ่มมีความไม่แน่นอนอาจส่งผลให้การออกนโยบาย และมาตรการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าที่ได้รับการสนับสนุนในช่วงก่อนหน้า (เช่น Direct PPA และแผน PDP ฉบับใหม่) รวมถึงการทบทวนการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนส่วนขยาย (การรับซื้อรอบ 2.2GW) มีโอกาสเกิดขึ้นช้ากว่าที่คาดไว้เดิม (เดิมคาดเกิดขึ้นภายใน 2H25)

คงน้ำหนักการลงทุน “Neutral” สำหรับหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยให้เน้นการลงทุนแบบ Selective Buy ในหุ้นที่กำไรปกติมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และมีผลกระทบจำกัดจากความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ และการเมืองทั้งใน และต่างประเทศ ให้ BCPG ราคาเป้าหมาย 9.00 บาท เป็น Top Pick

เพราะ 1)คาดกำไรปกติของบริษัทฯ จะสามารถกลับมาเติบโต YoY ได้ต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีจากการเริ่มรับรู้ผลของการปรับเพิ่มค่าความพร้อมจ่ายในตลาดไฟฟ้าสหรัฐฯ และการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลม Monsoon ที่ทยอย COD ตั้งแต่เดือน พ.ค.2568 2)การที่หุ้นมีกำลังผลิตหลักอยู่ในสหรัฐฯ ทำให้คาดได้รับผลกระทบจำกัดจากปัจจัยการเมืองในไทยที่มีความไม่แน่นอน และความเสี่ยงเชิงนโยบายของเวียดนาม

(โครงการของบริษัทฯ เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในลาว และขายไฟฟ้าไปยังเวียดนาม ทำให้ยังไม่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการแก้ไขสัญญา PPA) และ 3)ราคาก๊าซธรรมชาติที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นจากสถานการณ์ระหว่างอิสราเอล-อิหร่านจะช่วยหนุนส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง