ดอกเบี้ยขาลง ! ควรลงทุนหุ้นแบงก์หรือไม่?

ส่งท้ายปี ! คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติเอกฉันท์ “ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย” ลง 0.25% จาก 1.50% มาอยู่ที่ 1.25% ต่ำสุดในรอบ 3 ปี เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา หลังเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพ และมีความเปราะบางจากทั้งปัจจัยเชิงโครงสร้างภายในประเทศ และถูกซ้ำเติมจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะในช่วงของปีที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจเริ่มชะลอลงมากกว่าที่คาดจากปัจจัยชั่วคราวหลายด้าน ซึ่งส่งผลให้แนวโน้มการเติบโตในปีถัดๆ ไปอ่อนแรงลงตามไปด้วย
ขณะที่ในครึ่งหลังของปี 68 เศรษฐกิจได้รับแรงกดดันจากเหตุการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์รุนแรง กระทบต่อทั้งชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนในวงกว้างทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในพื้นที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง คาดว่าจีดีพีในปี 69 โต 1.5% และปี 70 โต 2.3% จากปี 68 จีดีพีโต 2.2% ทำให้กนง.ตัดสินใจลดดอกเบี้ย เพื่อพยุงเศรษฐกิจ
สิ้นเสียงประกาศกนง. ธนาคารกสิกรไทย นำร่องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อดูแลลูกค้าแต่ละกลุ่ม มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค. โดยมีรายละเอียดดังนี้
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลด 0.10% จาก 6.72% เหลือ 6.62% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับลด 0.25% จาก 6.69% เหลือ 6.44% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับลด 0.10% จาก 6.78% เหลือ 6.68% ต่อปี
ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ธนาคารได้ปรับลดในอัตรา 0.05%- 0.10% ซึ่งเป็นการปรับลดในอัตราที่น้อยกว่าอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ
ขณะที่ 3 แบงก์ใหญ่ได้ปรับลดดอกเบี้ยตามมาติด ๆ คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ลดดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากมีผล 22 ธ.ค. ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารกรุงไทยได้ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากเช่นเดียวกันมีผล 23 ธ.ค. 68
สำหรับทิศทางดอกเบี้ยของไทยย่างเข้าสูปีปีม้าจะเป็นอย่างไร นโยบายการเงินจะผ่อนคลายต่อไปหรือไม่ หุ้นกลุ่มแบงก์ยังน่าสนใจลงทุนต่อหรือเปล่า ท่ามกลางภาวะหนี้ครัวเรือนในประเทศที่สูง เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเปราะบาง และความท้าทายเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูง ในวันนี้ TNN Online พาไปไขคำตอบจากกูรูกันค่ะ
เริ่มจาก "ตฤณ สิทธิสวัสดิ์" ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า ในปี 69 การทำธุรกิจของธนาคารพาณิชย์ไม่หวือหวามากนัก โดยแนวโน้มการทำกำไรของธนาคารพาณิชย์จะปรับลดลงเรื่อย ๆ เนื่องจากธนาคารมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเห็นสัญญาณการปรับลดลงมาต่อเนื่องมาหลายเดือนทำให้คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารแข็งแรงทำให้แนวโน้มการตั้งสำรองในปีหน้าจะลดลงได้
ทั้งนี้แม้กำไรของธนาคารลดลง แต่หุ้นแบงก์ก็ยังน่าสนใจลงทุน และนักลงทุนยังถือหุ้นแบงก์อยู่ เพราะหุ้นแบงก์ให้เงินปันผลในระดับสูง เงินกองทุนแกร่ง และหลายแบงก์มีแผนที่จะเพิ่มการจ่ายเงินปันผล เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น เหมือนกับประเทศสิงคโปร์และญี่ปุ่น
โดยจากประมาณการณ์ในปีหน้า คาดว่าธนาคารพาณิชย์จ่ายเงินปันผลเฉลี่ย 6% ขณะเดียวกันหลายธนาคารเริ่มหันมาซื้อหุ้นคืน เช่น TTB, KBANK และตัวต่อไป คาดว่าจะเป็น KTB ในช่วงต้นปีหน้า ทำให้หุ้นแบงก์เป็นหุ้นที่น่าสนใจลงทุน
อย่างไรก็ตาม หุ้นแบงก์ที่ cover 7 ตัว (BBL, KBANK,KKP,KTB,SCB,TISCO,TTB) ปีนี้คาดว่ากำไร 217,000 ล้านบาท ซึ่งปีหน้าเติบโต 1-2% แรงหนุนจากการปล่อย Corporate Loan (สินเชื่อธุรกิจ หรือ สินเชื่อองค์กร) หรือสินเชื่อโครงการภาครัฐมากกว่า แต่การขับเคลื่อนธุรกิจของธนาคารจะต้องมีการคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารงานให้ได้ และตั้งสำรองให้ลดลง รวมถึงมีแนวโน้มกำไรจากเงินลงทุนเข้ามาช่วย เช่น การขายหุ้นการบินไทย เป็นต้น
ส่วนหุ้นเด่นแนะนำ
- KTB ราคาเป้าหมาย 32 บาท
สำหรับทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดในปีหน้านั้น คาดว่าจะปรับลดได้อีกประมาณ 2-3 ครั้ง ส่วนกนง.ของไทยคาดว่าจะปรับลดได้อีก 1 ครั้ง เดือนก.พ.-มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลใหม่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ และยังไม่มีนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจอาจจะต้องใช้นโยบายการเงินเข้ามาช่วย แต่หลังจากที่จัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จบทบาทการเงิน0จะลดลงและหันมาใช้นโยบายการคลังแทน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหากมีการเลื่อนเลือกตั้งมองว่า ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยไม่มากนัก โดยหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4.5%
นอกจากนี้แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลงต้นทุนทางการเงินลดลง เช่น ไฟแนนซ์ และจำนำทะเบียน รวมถึงหุ้นที่ได้รับผลบวกจากเม็ดเงินที่กระตุ้นเศรษฐกิจในต่างจังหวัด หาเสียง และนโยบายปากท้องรายย่อย ซึ่งจะเป็นไฟแนนซ์ และนอนแบงก์ที่มีลูกค้าในต่างจังหวัดที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ
หุ้นเด่นแนะนำ
- MTC ราคาเป้าหมาย 52 บาท
- SAWAD ราคาเป้าหมาย 36 บาท
- TIDLOR ราคาเป้าหมาย 25 บาท
ส่วนหุ้นที่ควรเลี่ยงคือโรงไฟฟ้า เพราะเชื่อว่าหลายพรรคการเมืองจะใช้นโยบายการลดค่าไฟ เพื่อลดค่าครองชีพจะถูกจับตามอง
ด้าน“อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล” ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.ทิสโก้ ประเมินว่า ในปีหน้าแนวโน้มของไทยและสหรัฐฯ คาดว่ายังปรับลดลงอยู่ โดยธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 2 ครั้งจะมากกว่านี้ไม่ได้ เนื่องจากเห็นว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯ ไม่ควรต่ำกว่า 3% เพราะเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง และต้องดูว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะเป็นอย่างไร ส่วนกนง.ของไทยลงได้เพียง 1 ครั้ง หรือ 0.25% มาอยู่ที่ 1% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.25% โดยดอกเบี้ยของไทยเคยต่ำสุดในช่วงโควิด 0.5%
ทั้งนี้มองว่าหุ้นกลุ่มแบงก์ใน 3-6 เดือนข้างหน้ายังน่าลงทุน เนื่องจากมีเงินปันผลสูงและมีกำไรมั่นคง แม้ว่าอัตราการทำกำไรจากดอกเบี้ยจะลดลง แต่ข้อดีคือปันผลสูงทำให้คนหันมาหาผลตอบแทนหุ้นปันผลจึงสามารถชดเชยกันได้ แต่ก็ต้องระวังในช่วงกลางปีหน้ากำไรจะเริ่มลดลงจากผลของการปรับลดดอกเบี้ย โดยในปีนี้ดอกเบี้ยลดลงมาตั้งแต่ต้นปี แต่ที่ผ่านมาแบงก์มีกำไรจากพอร์ตการลงทุนมาชดเชยทำให้กำไรค่อนข้างดี แต่ปีหน้าถ้าดอกเบี้ยขาลงจะเห็นผลกระทบดอกเบี้ยขาลงมากขึ้น
หุ้นเด่นแนะนำ
- KTB เงินปันผลสูงอิงสินเชื่อภาครัฐมีความเสี่ยงต่ำ
- TTB มีแผนซื้อหุ้นคืน แนวโน้มกำไรดี
- BBL จ่ายปันผลดี ความมั่นคง ปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง
- SCB เน้นปันผลสูง 8% และธุรกิจมีแนวโน้มเติบโต
ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลของธนาคารนั้น ถ้าเศรษฐกิจติดลบก็มีความเป็นห่วงว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ที่ผ่านมาแบงก์ควบคุมคุณภาพหนี้ และไม่ปล่อยสินเชื่อ โดยสามารถบริหารจัดการได้ ซึ่งปีหน้าคาดว่าจะโตต่ำกว่า 2% ไม่น่าจะมีปัญหา ยกเว้นว่าเกิดวิกฤติเศรษฐกิจอื่นเกิดขึ้น
ทั้งนี้มองว่าหุ้นแบงก์ยังเป็นเป้าหมายของฟันด์โฟลว์ ถ้ามีเม็ดเงินลงทุนต่างชาติเข้ามาระยะสั้นก็จะซื้อหุ้นแบงก์ หุ้นพลังงาน และสื่อสาร เพราะเป็นหุ้นใหญ่มีสภาพคล่องสูง
อย่างไรก็ตาม ทิศทางดอกเบี้ยขาลงหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ยังเป็นหุ้นที่น่าสะสม แนะนำ MTC ราคาเป้าหมาย 55 บาท กำไรยังเติบโตตามสินเชื่อ กำไรทำจุดสูงสุด 10 ไตรมาสติดต่อกัน และอิออน ได้เข้า SETHD น่าจะเป็นผลดีต่อราคาหุ้น แต่ข้อเสียคือสภาพคล่องน้อย แต่ถ้าต้องการปันผลก็ถือว่าน่าซื้อและราคาหุ้นไม่แพง
ส่วนตลาดหุ้นไทยหลังเลือกตั้งจะฟื้นตัวหรือไม่นั้น ขึ้นกับผลการเลือกตั้ง ซึ่งจากโพลของหลายแห่งพบว่าสัดส่วน 30-40% ประชาชนยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคไหน เพราะยังไม่เห็นหน้าตาสส. และนโยบายของแต่ละพรรค คาดว่าสัปดาห์หน้าและการเปิดรับสมัครสส.ในช่วงปลายปีนี้ของกกต. น่าจะมีผลสำรวจออกมาเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าใครจะชนะ และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยกรณีฐานบล.ทิสโก้มองว่า พรรคประชาชนจะชนะการเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ คาดว่าพรรคภูมิใจไทยได้อันดับ 2 และเป็นพรรคนำในการจัดตั้งรัฐบาล
แม้แนวโน้มดอกเบี้ยขาลงจะกดดันกำไรของหุ้นกลุ่มธนาคาร แต่จุดแข็งด้านการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอและระดับสูง รวมถึงการเป็นหุ้นเป้าหมายของกองทุนต่างชาติ (Fund Flow) ทำให้หุ้นแบงก์ยังคงน่าสนใจลงทุน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาปัจจัยพื้นฐาน ความเสี่ยง และภาวะเศรษฐกิจอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน....
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
