รีเซต

วิจัยรักษาโรคซึมเศร้าแบบใหม่ “ยิงไฟฟ้า” กระตุ้นประสาท ได้ผลดีกว่าทานยา ผลข้างเคียงน้อยกว่า

วิจัยรักษาโรคซึมเศร้าแบบใหม่ “ยิงไฟฟ้า” กระตุ้นประสาท ได้ผลดีกว่าทานยา ผลข้างเคียงน้อยกว่า
TNN ช่อง16
25 กันยายน 2568 ( 14:25 )
21

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียลอสแอนเจลิส เผยผลการวิจัยใหม่ ใช้ไฟฟ้ากระตุ้นสมองอย่างแม่นยำ ช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าและความวิตกกังวลลงได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องใช้ยา และมีผลข้างเคียงแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

HD-tDCS คืออะไร ?

นักวิจัยได้ทดลองวิธีใหม่ในการรักษาผู้ที่มีอาการซึมเศร้า ด้วยวิธีที่เรียกว่า HD-tDCS การกระตุ้นด้วยไฟฟ้ากระแสตรงผ่านกะโหลกศีรษะที่มีความแม่นยำและเฉพาะบุคคลมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงการทำงานของสมองและรักษาภาวะซึมเศร้า

ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานเกี่ยวกับการใช้การกระตุ้นสมองด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (tDCS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองและรักษาโรคซึมเศร้า โดย tDCS จะใช้กระแสไฟฟ้าความเข้มต่ำส่งผ่านขั้วไฟฟ้าที่ติดบนหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ประสาทบริเวณผิวสมอง (cortex) เกิดการเปลี่ยนแปลงความสามารถในการถูกกระตุ้น

ล่าสุด นักวิจัยจาก UCLA ได้ทำการทดลอง HD-tDCS ซึ่งเป็น tDCS เวอร์ชันใหม่ที่มีความแม่นยำและเฉพาะบุคคลมากขึ้นเพื่อใช้ในการรักษาโรคซึมเศร้า HD-tDCS หรือ tDCS แบบความละเอียดสูง นั้นเหมือนกับ tDCS เกือบทุกประการ แต่จะพิเศษกว่าเพราะจะโฟกัสไปที่เรื่องของความแม่นยำ ในตัวแต่ละบุคคล เพื่อรักษาภาวะซึมเศร้าโดยเฉพาะ 

โดย “ความแม่นยำ” นี้ คือการกำหนดเป้าหมายการส่งกระแสไฟฟ้าไปยังสมองในส่วนเฉพาะเจาะจง โดยใช้อิเล็กโทรดขนาดเล็กร่วมกับการสร้างภาพประสาทวิทยา เพื่อกำหนดเป้าหมายสมองที่เหมาะสมที่สุด

ซึ่งในการทดลองนี้ นักวิจัยได้ส่งกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ไปยังบริเวณสมองคอร์เทกซ์ส่วนด้านหน้าส่วนหลังด้านซ้าย (left dorsolateral prefrontal cortex: DLPFC) ซึ่งเป็นบริเวณที่มักเกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์

วิธีการวิจัย 

การวิจัยนี้ นักวิจัยได้ทดสอบกับผู้ใหญ่จำนวน 68 คน ที่มีอายุอยู่ระหว่าง 18 ถึง 65 ปี ซึ่งมีภาวะซึมเศร้าระดับปานกลางถึงรุนแรง โดยทางนักวิจัยได้ทำการสุ่มทดลองกับนักวิจัยทั้งหมด ซึ่งจะมีทั้งแบบรักษาจริงและรักษาปลอม เพื่อปกปิดข้อมูล และไม่ให้ผู้เข้าร่วมทดลองเดาทางได้

โดยผู้เข้าร่วมทดสอบทั้ง 68 คน จะมีทั้งคนที่ได้รับยาต้านซึมเศร้า และไม่ได้รับยาผสมรวมกันไป ส่วนผู้ป่วยโรคอารมณ์สองขั้ว โรคจิตเภท หรือความผิดปกติทางระบบประสาทจะถูกคัดออกจากกลุ่ม

ผู้เข้าร่วมถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้รับ HD-tDCS จริง และอีกกลุ่มได้รับ HD-tDCS หลอก โดยทำการรักษาครั้งละ 20 นาที ทุกวัน เป็นเวลา 12 วันติดต่อกัน

ซึ่งเป็นการบำบัดที่ออกแบบมา เพื่อปรับให้เหมาะกับผู้เข้าร่วมทดสอบแต่ละคน โดยใช้การสแกน MRI และระบบนำทางประสาทเพื่อกำหนดเป้าหมาย DLPFC อย่างแม่นยำ 

กลุ่ม HD-tDCS แบบแอคทีฟจะได้รับกระแสไฟฟ้า 2 มิลลิแอมป์ เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ครั้งละ 30 วินาที ในขณะที่อีกกลุ่มจะได้รับกระแสไฟฟ้าหลอก ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนบำบัดด้วยไฟฟ้าจริง ๆ แต่ไม่ได้ช่วยในการรักษาหรือการบำบัดใด ๆ 

เป้าหมายของนักวิจัย คือต้องการทดสอบการเปลี่ยนแปลงของความรุนแรงของภาวะซึมเศร้า โดยใช้แบบประเมินภาวะซึมเศร้าแฮมิลตัน (Hamilton Depression Rating Scale: HAM-D) ซึ่งจะประกอบไปด้วยอัตราการหายจากภาวะซึมเศร้า การตอบสนองของ ผลข้างเคียง และการทดสอบเชิงสำรวจสำหรับอาการวิตกกังวล

ผลของการวิจัย

หลังผ่านไป 12 วัน คะแนนภาวะซึมเศร้าลดลงในทั้งสองกลุ่ม แต่ลดลงมากกว่าในกลุ่ม HD-tDCS แบบแอคทีฟ โดยลดลงมากถึง -7.8 คะแนน ส่วนอีกกลุ่มที่ได้รับการรักษาหลอกอยู่ที่ -5.6 คะแนน 

ความแตกต่างที่เกิดขึ้น คือแตกต่างกันในส่วนของอัตราการหายจากอาการ พบว่า 39.5% ของผู้เข้าร่วมการทดสอบได้เข้าสู่ภาวะหายจากโรค ซึ่งมากกว่าอีกกลุ่มที่มีเพียง 13.3% เท่านั้น

นอกจากนี้ในการรักษาวันที่ 6 มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าการรักษาดังกล่าว ทำให้อาการผู้เข้าร่วมทดสอบดีขึ้นเร็วกว่ายาต้านเศร้าหรือการจิตบำบัดทั่วไป ซึ่งปกติจะใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นผล คะแนนความวิตกกังวลดีขึ้นกว่าในกลุ่มผู้ป่วยที่ยังคงรักษาอยู่ ซึ่งบ่งชี้ว่า HD-tDCS สามารถช่วยได้ทั้งภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล

ผลข้างเคียงที่พบมีเพียงเล็กน้อย คือจะมีอาการผิวหนังแดง คัน หรือรู้สึกแสบร้อนบริเวณที่ใส่อิเล็กโทรด แต่มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีรายงานผลข้างเคียงที่ร้ายแรงง

อย่างไรก็ตาม การทดสอบนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อศึกษาปฏิกิริยาระหว่าง HD-tDCS กับยาต้านซึมเศร้า ดังนั้นผลรวมของการรักษาจึงยังไม่ชัดเจน แม้ว่ากลุ่มผู้เข้าร่วมทดสอบที่ได้รับการรักษาหลอกจะได้รับกระแสไฟฟ้าเพียงเล็กน้อย ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะไม่มีผลอะไรเลย

นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมการทดสอบ ยังได้รับการติดตามผลเพียง 4 สัปดาห์หลังการรักษาเท่านั้น  ดังนั้นประสิทธิภาพในระยะยาวของการรักษาจึงยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด และยังไม่ทราบว่าผลการรักษาจะจางหายไปหรือไม่ หากไม่ได้รับการบำบัดอย่างต่อเนื่อง และแม้ว่าการรักษาจะเป็นแบบรายบุคคล ทางนักวิจัยก็ยังไม่ได้เปรียบเทียบ HD-tDCS แบบเฉพาะบุคคลกับแบบที่ไม่เฉพาะบุคคลโดยตรงอีกด้วย

การศึกษานี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร JAMA Network Open : https://jamanetwork.com/journals/jamanetworkopen/fullarticle/2838763?guestAccessKey=aef661b6-9a93-47b1-93ef-b6dd96c7a51c&utm_source=for_the_media&utm_medium=referral&utm_campaign=ftm_links&utm_content=tfl&utm_term=091125

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง