โลกกำลังไหม้ ไฟป่าปี 2024–2025 เผาโลกเท่าประเทศอินเดีย

16 ตุลาคม 2568 ( 10:00 )
15
ในช่วงปี 2024–2025 โลกได้เผชิญกับไฟป่าครั้งใหญ่ที่ทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ รายงาน “State of Wildfires” จากคณะนักวิทยาศาสตร์นานาชาติระบุว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นทั่วโลกในรอบปีดังกล่าวได้เผาผลาญพื้นที่กว่า 3.7 ล้านตารางกิโลเมตร หรือมากกว่าขนาดของประเทศอินเดีย และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 8,000 ล้านตัน สู่ชั้นบรรยากาศ แม้พื้นที่ที่ถูกเผาจะลดลงราว 10% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของสองทศวรรษที่ผ่านมา แต่ปริมาณคาร์บอนที่ถูกปล่อยกลับเพิ่มขึ้นถึง 10% ซึ่งสะท้อนว่าไฟป่าได้เกิดในพื้นที่ป่าที่อุดมไปด้วยคาร์บอนมากขึ้น และนั่นทำให้ผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศทวีความร้ายแรงกว่าเดิม
รายงานฉบับนี้ได้วิเคราะห์ข้อมูลของไฟป่าทั่วโลกตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024 ถึงกุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งนักวิทยาศาสตร์กำหนดให้เป็น “ฤดูไฟป่าโลก” เพื่อสอดคล้องกับช่วงเวลาที่ไฟป่าทั่วโลกมักลดระดับลงในฤดูใบไม้ผลิของซีกโลกเหนือ การศึกษาใช้เทคโนโลยีดาวเทียมและแบบจำลองสภาพภูมิอากาศในการติดตามพื้นที่ที่ถูกเผาไหม้ทั่วโลก
ผลการวิเคราะห์พบว่า ไฟป่ามีแนวโน้มเกิดถี่ขึ้นในพื้นที่ป่าคาร์บอนหนาแน่น เช่น ป่าเขตอบอุ่นและป่าดิบชื้น ในขณะที่พื้นที่ทุ่งหญ้าและสะวันนาบางแห่งกลับมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะในแอฟริกา ซึ่งแม้ไฟป่าจะลดลงสองปีซ้อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความรุนแรงของไฟป่าจะลดลง เพราะในหลายพื้นที่ แม้จำนวนไฟจะน้อยลง แต่กลับรุนแรงและสร้างความเสียหายมากกว่าเดิม
นักวิทยาศาสตร์ได้ระบุสี่พื้นที่หลักที่เกิดไฟป่าระดับ “สุดขั้ว” ได้แก่ แคลิฟอร์เนียตอนใต้ ลุ่มน้ำแอมะซอน ภูมิภาคปันตานัล–ชิควิทาโน และลุ่มน้ำคองโก ซึ่งทุกเหตุการณ์ต่างมีความเกี่ยวพันกับภาวะโลกร้อนจากมนุษย์
แคลิฟอร์เนียตอนใต้ สหรัฐอเมริกา
เดือนมกราคม 2025 เกิดไฟป่าครั้งใหญ่ในลอสแอนเจลิสและพื้นที่โดยรอบ ทั้งที่เป็นช่วงฤดูหนาว ซึ่งปกติไม่เกิดไฟมาก่อน ไฟ “Palisades” และ “Eaton” ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 30 คน บ้านเรือนกว่า 11,500 หลังถูกทำลาย และประชาชนกว่า 150,000 คนต้องอพยพ ความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง 140,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ไฟป่าครั้งนี้รุนแรงเพราะสภาพอากาศสุดขั้วจากวัฏจักรน้ำ ฤดูฝนที่ชุ่มชื้นทำให้พืชพรรณเติบโตมากผิดปกติ ก่อนจะแห้งตายกลายเป็นเชื้อเพลิงเมื่ออากาศแห้งในฤดูหนาว การวิเคราะห์พบว่า พื้นที่ที่ถูกไฟไหม้มีขนาดมากกว่าปกติถึง 25 เท่า จากผลของภาวะโลกร้อน
ลุ่มน้ำแอมะซอนและภูมิภาคปันตานัล–ชิควิทาโน (อเมริกาใต้)
ทวีปอเมริกาใต้ในปี 2024–2025 เผชิญฤดูไฟป่าที่ถือว่าร้ายแรงที่สุดในประวัติการณ์ โดยมีพื้นที่ถูกเผาเพิ่มขึ้นกว่า 35% และปล่อยคาร์บอนสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูล ปรากฏการณ์เอลนีโญและความแห้งแล้งต่อเนื่องเป็นปัจจัยหลักที่กระตุ้นให้ไฟป่าขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในบราซิล โบลิเวีย และเวเนซุเอลา
ไฟป่าลุกลามเข้าสู่เขตชุ่มน้ำปันตานัลและป่าชิควิทาโน ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์หายากและมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เหตุการณ์ครั้งนี้ปล่อยคาร์บอนมากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 6 เท่า
ลุ่มน้ำคองโก (แอฟริกา)
ป่าดิบชื้นขนาดใหญ่แห่งนี้ประสบไฟป่ารุนแรงที่สุดในรอบสิบปี พื้นที่ถูกเผาเพิ่มขึ้น 28% และจำนวนไฟป่ามากกว่าปกติถึง 20% ผลการวิเคราะห์พบว่า สภาพอากาศร้อนและแห้งจัดในปี 2024 มีแนวโน้มเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “อย่างแทบจะแน่นอน” พื้นที่ที่ถูกเผาไหม้มากกว่าปกติถึง 3 เท่า และมีแนวโน้มว่าไฟป่าลักษณะนี้อาจเกิดบ่อยขึ้นถึง 50% ภายในสิ้นศตวรรษนี้ หากโลกร้อนต่อไป
สิ่งที่น่ากังวลคือ ไฟป่ากำลังรุกล้ำเข้าสู่ “ป่าที่ไม่ควรเกิดไฟ” เช่น ป่าดิบชื้นและพื้นที่พีทแลนด์ ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนขนาดมหาศาล การสูญเสียพื้นที่เหล่านี้ไม่เพียงทำให้สัตว์ป่าหายไป แต่ยังปลดปล่อยคาร์บอนจำนวนมากกลับสู่ชั้นบรรยากาศ
รายงานประเมินว่า ในปีเดียวกัน มีประชากรกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากไฟป่า ทั้งจากควันพิษ การสูญเสียบ้านเรือน หรือผลกระทบต่อสุขภาพและเศรษฐกิจ นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า เหตุการณ์ไฟป่าเหล่านี้ไม่ใช่เหตุการณ์เฉพาะพื้นที่อีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่เกิดบ่อยและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ไฟป่าในปี 2024–2025 คือภาพสะท้อนที่ชัดเจนของ วิกฤตโลกร้อนที่กำลังเร่งตัว แม้บางพื้นที่จะมีไฟป่าลดลง แต่พื้นที่ป่าคาร์บอนหนาแน่นกลับถูกเผาไหม้หนักขึ้น ส่งผลให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับสูงสุดในรอบหลายปี ไฟป่าจึงไม่ใช่เพียงภัยธรรมชาติอีกต่อไป แต่เป็น “วงจรเร่งโลกร้อน” ที่มนุษย์มีส่วนสร้างและกำลังได้รับผลจากมันกลับมา
สิ่งที่มนุษย์ควรทำไม่ใช่เพียงดับไฟ แต่ต้องดับ “เชื้อเพลิงของปัญหา” นั่นคือการปล่อยคาร์บอน การตัดไม้ทำลายป่า และการใช้พลังงานฟอสซิลอย่างไม่ยั่งยืน หากโลกยังคงร้อนขึ้นต่อไป ฤดูไฟป่าครั้งถัดไปอาจไม่ใช่เพียงภัยต่อป่าไม้และสัตว์ป่า แต่คือภัยต่ออนาคตของมนุษย์ทั้งโลก
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
