รีเซต

จับตาศึกราคา "EV" จีนไม่จบ รถล้นตลาด ชะลอลงทุน l การตลาดเงินล้าน

จับตาศึกราคา "EV" จีนไม่จบ รถล้นตลาด ชะลอลงทุน l การตลาดเงินล้าน
TNN ช่อง16
9 มิถุนายน 2568 ( 13:31 )
10

ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ และนักวิเคราะห์ มองตรงกันถึงสถานการณ์การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีน ว่ามีแต่จะรุนแรงเพิ่มขึ้นอีก ซีเอ็นบีซี รายงานข้อสังเกตของนักวิเคราะห์ มองว่า การลดราคาล่าสุดของ บีวายดี แท้จริงแล้วเป็นการให้ส่วนลดที่ผู้บริโภคควรจะได้รับไปก่อนหน้านี้ ภายใต้โครงการอุดหนุน รถแลกรถ ของรัฐบาลจีน ที่ต้องการกระตุ้นการบริโภค

นักวิเคราะห์จาก โนมูระ ชี้อีกว่า บีวายดี เองก็กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากการแข่งขันเช่นกัน แม้จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเกือบร้อยละ 30 อยู่แล้วก็ตาม เห็นได้จากยอดขายของเดือนเมษายนที่ผ่านมา บีวายดี มียอดขายเติบโตร้อยละ 14 แต่เป็นการเติบโตแบบชะลอตัวจากร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

และบอกอีกว่า เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์อุปทานล้นตลาดในปัจจุบัน ในตลาดรถยนต์จีน คาดว่าช่วงของการแข่งขันที่รุนแรงที่สุดจะยังมาไม่ถึง และสงครามราคาจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะเห็นการรวมกันของตลาด อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต

นอกจากนี้ อีกหนึ่งในสัญญาณของอุปทานล้นตลาดในปัจจุบัน ก็คือ รถยนต์มือสองศูนย์ไมล์ หรือ รถที่มีทะเบียนแล้วแต่ไม่เคยวิ่งมาก่อน จึงมีระยะเป็นศูนย์ไมล์ แต่กลับถูกนำออกขายในทันที บนแพลตฟอร์มรถมือสองเป็นจำนวนมาก ซึ่งคุณ เว่ย เจี้ยนจุน (Wei Jianjun) ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ออกมาเปิดเผยถึงประเด็นนี้กับสื่อ ซิน่า ไฟแนนซ์ และบอกว่า ไม่เป็นผลดีต่อตลาด อีกทั้ง เรียกร้องให้มีการกำกับดูแลที่ดีขึ้น 

ส่วนคุณ เหอ เสี่ยวเผิง (He Xiaopeng) ซีอีโอ เอ็กซ์เผิง กล่าวกับสื่อจีน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บอกว่า สงครามราคาจะยังไม่ถึงขีดสุด และการแข่งขันจะเข้มข้นมากขึ้นไปอีกใน 5 ปีข้างหน้า ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ยังเป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อย ของสิ่งที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น และบอกอีกว่า แทนที่จะแข่งขันในเรื่องราคา แต่สำหรับเอ็กซ์เผิง จะแข่งขันในด้านเทคโนโลยี และขยายธุรกิจออกไปนอกประเทศจีนเพิ่มมากขึ้น 

ด้านสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ ระบุว่า การที่ผู้ผลิตรถยนต์บางรายได้ปรับลดราคาสินค้า และมีบริษัทหลายแห่งดำเนินการตาม (ซึ่งไม่ได้มีการระบุชื่อ) ได้สร้างความตื่นตระหนกจากสงครามราคารอบใหม่ ทำให้ภาคส่วนนี้เข้าสู่วัฏจักรอันโหดร้าย และคุกคามความปลอดภัยของห่วงโซ่อุปทาน

และเตือนว่า การกระทำดังกล่าวจะเป็นแรงกดดันเพิ่มเติมต่ออัตรากำไรและความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้บริโภค พร้อมกับเรียกร้องให้ บริษัทต่าง ๆ ปฏิบัติตามการแข่งขันที่เป็นธรรม ไม่ผูกขาดตลาด ไม่ทุ่มตลาด หรือขายสินค้าต่ำกว่าต้นทุนการผลิต 

นอกจากนี้ ยังสร้างแรงกระเพื่อมไปยังหน่วยงานของรัฐ ทำให้มีการเรียกประชุมผู้ผลิตรถยนต์ถึง 2 ครั้งภายในสัปดาห์เดียวกัน

ล่าสุด บลูมเบิร์ก รายงานว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (Ministry of Industry and Information Technology) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลด้านตลาด และหน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจ ได้เรียกผู้บริหารระดับสูงของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนรายใหญ่ จำนวนมากกว่า 12 ราย ซึ่งรวมถึง บีวายดี (BYD) จีลี่ (Geely) และ เสียวหมี่ (Xiaomi) ให้เข้าร่วมประชุมที่กรุงปักกิ่ง

ซึ่งแหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่รัฐ บอกให้ผู้ผลิตรถยนต์ ควบคุมตัวเอง (self-regulate) และไม่ควรขายสินค้าต่ำกว่าทุน หรือลดราคาอย่างไม่สมเหตุสมผล นอกจากนี้ ยังได้พูดถึงปัญหาอื่น ๆ ด้วย เช่น เรื่องรถยนต์มือสองศูนย์ไมล์, และการที่ผู้ผลิตรถค้างชำระเงินกับซัพพลายเออร์ ซึ่งกำลังกดดันกระแสเงินสดตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยเป็นการค้างชำระเงินเพื่อนำใช้เป็นเงินทุน 

แหล่งข่าวให้ความเห็นด้วยว่า การที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านตลาด อุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของจีน จะร่วมกันจัดการประชุมกับอุตสาหกรรมรถยนต์เกี่ยวกับเรื่องข้อปฏิบัติ เช่น การกำหนดราคา เกิดขึ้นได้ยากมาก และความเคลื่อนไหวนี้ แสดงให้เห็นว่าผู้นำระดับสูงของประเทศกำลังให้ความสำคัญกับภาคส่วนนี้มากเพียงใด ในท่ามกลางความกังวลว่า สงครามราคาจะไม่ได้สร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรม และอาจส่งผลกระทบให้บริษัทที่อ่อนแอกว่าล้มละลายได้

ผู้บริหารของทั้ง บีวายดี และ เสียวหมี่ ไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอความคิดเห็นต่อบลูมเบิร์ก มีเพียงตัวแทนจาก จีลี่ เท่านั้น ซึ่งอ้างถึงคำปราศรัยล่าสุดของประธาน (หลี่ ซูฟู่) Li Shufu ซึ่งกล่าวว่า บริษัทปฏิเสธสงครามราคาอย่างเด็ดขาด และจะแข่งขันกันในด้านเทคโนโลยีและคุณค่าของรถเท่านั้น

อย่างไรก็ดี การประชุมครั้งนี้ ไม่ได้มีผลในเชิงบังคับให้ต้องปฏิบัติตาม เนื่องจากเป็นคำเตือนด้วยวาจา แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าผู้ผลิตจะต้องเผชิญกับผลที่ตามมาอย่างไรด้วย หากไม่ปฏิบัติตาม 

โดยการประชุมดังกล่าวนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 ภายในสัปดาห์เดียว ซึ่งครั้งแรกเป็นเรื่องของ รถยนต์มือสองศูนย์ไมล์ ซึ่งเป็นการกระประชุมระหว่างกระทรวงพาณิชย์ ผู้ผลิตรถยนต์ และแพลตฟอร์มรถยนต์มือสอง เป็นต้น

ขณะเดียวกัน สื่อต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมโดยตรงของผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ รวมถึง ซินหัว (Xinhua), พีเพิล เดย์ลีย์ (People’s Daily) และสถานีโทรทัศน์ CCTV (ซีซีทีวี) ของรัฐ ต่างก็มีการเผยแพร่รายงานในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาเรียกร้องให้ผู้ผลิตรถยนต์ หยุดการลดราคา และฟื้นฟูระเบียบให้กับอุตสาหกรรม

พร้อมแสดงความกังวลว่า หากไม่ดำเนินการ อาจส่งผลให้มีสินค้าราคาถูกและคุณภาพต่ำ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงในระดับนานาชาติและภาพลักษณ์ของ "Made-in-China" (เมด อิน ไชน่า) ของอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมได้ 

อย่างไรก็ดี เรื่องซัพพลายส่วนเกินในตลาดรถยนต์ (รถล้นตลาด) อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะแค่ในจีนเท่านั้น เพราะล่าสุด ประธานและผู้ก่อตั้ง จีลี่ (Geely) คุณ หลี่ ซูฟู่ (Li Shufu) ได้ออกมากล่าวว่า อุตสาหกรรมรถยนต์โลกกำลังเผชิญกับกำลังการผลิตที่มากเกินไป และด้วยมุมมองนี้เอง ทำให้ จีลี่ ตัดสินใจที่จะไม่สร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ หรือขยายการผลิตในโรงงานที่มีอยู่

ซึ่ง รอยเตอร์ รายงานอีกว่า ความคิดเห็นดังกล่าว เกิดขึ้นในขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ของจีน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังเผชิญกับสงครามราคาที่รุนแรง บังคับให้ผู้เล่นหลายรายต้องหันไปหาตลาดต่างประเทศ อีกทั้ง กระตุ้นให้หน่วยงานกำกับดูแลของจีน ออกมาเรียกร้องให้ ผู้ผลิตรถยนต์ยุติการดำเนินการดังกล่าว

โดย จีลี่ โฮลดิ้ง (Geely Holding) เป็นเจ้าของแบรนด์รถยนต์หลายแบรนด์ รวมถึง แบรนด์ จีลี่ (Geely Auto), ซีกเคอร์ (Zeekr) และ วอลโว่ (Volvo) ทั้งกำลังวางแผนที่จะใช้สถานที่ผลิตที่มีอยู่ของ เรอโนลต์ (Renault) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสในบราซิล และเข้าถือหุ้นส่วนน้อยในธุรกิจของ Renault ในประเทศละตินอเมริกา ตามประกาศที่บริษัทประกาศเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 

ต่อมา Reuters รายงานเมื่อเดือนเมษายน โดยอ้างแหล่งข่าวว่าหน่วยงานกำกับดูแลของจีนได้ชะลอการอนุมัติสำหรับเรื่องดังกล่าว แต่ จีลี่ ได้กล่าวตอบโต้ในตอนนั้นว่าความร่วมมือกับ Renault ในบราซิลประสบความสำเร็จดี 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง