เปิดเหตุผลหลายชาติ แห่ระงับใช้วัคซีนโควิดของ บ.แอสตราเซเนกา

วันนี้ (12 มี.ค.64) หลายชาติในยุโรปแห่ระงับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ AstraZeneca หลังเกิดผลข้างเคียงโดยเฉพาะอาการลิ่มเลือด ขณะที่ องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป หรือ EMA ยืนยันยังไม่มีข้อมูลบ่งชี้ว่าวัคซีนดังกล่าวทำให้เกิดลิ่มเลือด
ชาติไหนระงับการใช้วัคซีน Oxford-AstraZeneca แล้วบ้าง
- เดนมาร์ก ระงับการฉีดวัคซีนของ AstraZeneca เป็นการชั่วคราว 2 สัปดาห์
- นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ มีมาตรการตามเดนมาร์ก แต่ไม่ได้กำหนดระยะเวลาการระงับ
- อิตาลีระงับการฉีดวัคซีนล็อต ABV2856
- ออสเตรีย ระงับการฉีดวัคซีนล็อต ABV5300
- เอสโตเนีย ลัตเวีย ลิธัวเนีย และลักเซ็มเบิร์ก ระงับการฉีดวัคซีนล็อตเดียวกับออสเตรีย
- โรมาเนีย ระงับการฉีดวัคซีน 4,200 โดสที่มาจากล็อตเดียวกับของอิตาลี
- สเปนชะลอการฉีดวัคซีน AstraZeneca ในกลุ่มคนอายุระหว่าง 55-65 ปี จนกว่าจะมีผลการสรุป
ทำไมต้องระงับการฉีดวัคซีนของ AstraZeneca
ออสเตรียตัดสินใจดังกล่าว หลังหญิงคนหนึ่งเสียชีวิตลง 10 วันหลังได้รับวัคซีน และมีอาการการแข็งตัวของเลือดอย่างรุนแรง โดยวัคซีนที่เธอรับ อยู่ในล็อต ABV5300 ที่มีอยู่หนึ่งล้านโดส และถูกกระจายไปยัง 17 ชาติสมาชิกอียู
แถลงการณ์ขององค์การยาแห่งสหภาพยุโรป หรือ EMA ระบุว่า คณะกรรมการด้านความปลอดภัยกำลังตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตที่ออสเตรีย แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าวัคซีนดังกล่าวทำให้เกิดอาการเลือดแข็งตัว
เดนมาร์ก ระบุว่า สั่งระงับการฉีดไว้ก่อน ขณะที่กำลังมีการสอบสวนเต็มรูปแบบเกี่ยวกับรายงานอาการลิ่มเลือดในหลายคนที่รับวัคซีนไปแล้ว และมีผู้เสียชีวิตหนึ่งรายในเดนมาร์ก
แมคทัส ฮิวนิคเค รัฐมนตรีสาธารณสุขของเดนมาร์กกล่าวว่า การระงับนั้นมีขึ้นเพื่อป้องกันไว้ก่อน และเดนมาร์กจะยังไม่ด่วนสรุป แต่จำเป็นต้องสอบสวนอย่างละเอียด การตัดสินใจครั้งนี้เป็นเพียงมาตรการ “ชั่วคราว” เท่านั้น
อิตาลีระบุว่า ต้องระงับไว้ก่อนเช่นกัน แม้ยังไม่มีการยืนยันความเชื่อมโยงระหว่างวัคซีนกับอาการที่ตามมาอย่างรุนแรง โดยอิตาลีมีผู้เสียชีวิตสองรายหลังเข้ารับวัคซีน
ด้าน สถาบันสาธารณสุขของนอร์เวย์ออกแถลงการณ์ระบุว่า นอร์เวย์จำเป็นต้องระงับการฉีดไปก่อนหลังมีรายงานผู้เสียชีวิตในเดนมาร์กจากภาวะลิ่มเลือด และชี้แจงว่า ที่นอร์เวย์มีรายงานผู้ที่เข้ารับการฉีดมีอาการลิ่มเลือดเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยอื่น ๆ มาก่อนแล้ว
ทั้งนี้ สำนักข่าว BBC รายงานว่า ผู้ที่เกิดภาวะการเกิดลิ่มเลือดอุดตันจำนวน 30 ราย ในกลุ่มชาวอียูที่ได้รับวัคซีนของ AstraZeneca ไปแล้วราว 5 ล้านคน
ปฏิกิริยาจาก AstraZeneca
AstraZeneca ออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ว่าความปลอดภัยของคนไข้คือความสำคัญสูงสุดของบริษัท และแจงว่าบรรดาผู้กำกับระเบียบและหน่วยงานยาต่าง ๆ มีการอนุมัติยาตัวใหม่ ๆ จากการประเมินประสิทธิภาพและมาตรฐานความปลอดภัย หนึ่งในนั้นก็คือวัคซีนของ AstraZeneca บริษัทฯ ยืนยันว่า วัคซีนดังกล่าวได้มีการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มข้นในการทดลองทางคลินิกระยะที่สาม และผลการศึกษาเชิงข้อมูลพบว่า มีประสิทธิภาพดี
ทั้งนี้ การสอบสวนของสหภาพยุโรป หรือ EU ถือเป็นอีกความยุ่งยากที่เกิดขึ้นระหว่าง EU กับบริษัท AstraZeneca สัญชาติอังกฤษ-สวีเดน ซึ่งเผชิญความตึงเครียดกันมาอยู่แล้วจากปัญหาการผลิตและการจัดส่งวัคซีนล่าช้าให้ยุโรป จนนำไปสู่มาตรการแบนการส่งออกวัคซีนที่ผลิตใน EU
นอกจากนี้ บริษัท AstraZeneca ยังเผชิญแรงต้าน โดยบรรดาหน่วยงานกำกับดูแลยาในหลายชาติ EU ต่างอนุมัติการฉีดวัคซีนของ AstraZeneca ล่าช้า หรือไม่ก็ลังเลที่จะแนะนำให้ประชาชนที่มีอายุมากกว่า 65 ปีฉีด โดยอ้างว่ายังไม่มีข้อมูลเพียงพอ
แม้ต่อมา เยอรมนีและฝรั่งเศส แนะนำให้ฉีดวัคซีนดังกล่าวกับผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี และยืนยันว่าวัคซีน AstraZeneca มีประสิทธิภาพในกลุ่มคนสูงวัยมากกว่าก็ตาม แต่รายงานระบุว่า ประชาชนในชาติ EU ยังลังเลที่จะเข้าการฉีดวัคซีนตัวดังกล่าว