บล.กสิกรฯชี้การเมืองไม่คืบ-FDI ชะลอ ฉุดผู้ผลิตรถ BEV-แบตเตอรี่ ในนิคมฯ
บล.กสิกรไทยมองว่าตัวเลขรายงานจาก ส.อ.ท. โดยรวมยังไม่สนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ ( STANLY และ AH) และสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่แน่นอน คาดอาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติหรือ FDI โดยเฉพาะจากผู้ผลิตรถ BEV และแบตเตอรี่ในนิคมอุตสาหกรรม (AMATA และ WHA)
บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจฉุดธีม EV ยอดผลิตรถยนต์ปรับตัวลงในเดือนมิ.ย. และ ส.อ.ท. ลดเป้าการผลิตรถยนต์ปี FY2566 ลงเป็นทรงตัวจากปีที่แล้วหลังอุปสงค์การนำเข้า BEV ที่แข็งแกร่ง
ยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นทั้ง MoM และ YoY แต่มีปัจจัยหนุนหลักจากการส่งออกขณะที่อุปสงค์ในประเทศยังอ่อนแอ
แนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ดูท้าทายและสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่แน่นอนอาจฉุดการลงทุนจากผู้ผลิต BEV
Key data
การผลิตรถยนต์รวมลดลง 3.3% MoM แต่เพิ่มขึ้น 1.80YoY สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รายงานยอดการผลิตรถยนต์รวมในเดือนมิ.ย.2566 อ่อนตัวลง 3.3% MoM แต่ดีขึ้น 1.8% YoY มาอยู่ที่ 145,557 คัน โดยยอดการผลิตรถยนต์รวมในช่วงครึ่งแรกปีนี้อยู่ที่ 921,512 ตัน เพิ่มขึ้น 5.9% YTD
ยอดขายรถยนต์รวมเพิ่มขึ้น 1.2% MoM และ 8.1%YoY ยอดขายรถยนต์รวมอยู่ที่153,226 คัน ในเดือนมิ.ย.2566 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 1.2 MoM และ 8.1% YOY ยอดขายรถยนต์รวมในช่วงครึ่งแรกปีนี้อยู่ที่ 934,947 คัน เพิ่มขึ้น 6.6%YTD แบ่งเป็นยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ 406, 131 คัน (-5.0% YTD) และยอดขายรถยนต์ส่งออกที่ 528,816 คัน (+17.6% YTD)
ยอดจดทะเบียนรถ BEV แข็งแกร่งต่อเนื่องในเดือนมิ.ย.2566 ส.อ.ท. รายงานจำนวนการจดทะเบียนรถ BEV (Battery Electric Vehicle) ใหม่เพิ่มขึ้นแรง 496.4% YoY มาอยู่ที่ 9,680คัน ในเดือนมิ.ย.2566 และรวมอยู่ที่ 43,045 คัน ในช่วงครึ่งแรกปินี้ หรือเพิ่มขึ้น 487.6% YTDส.อ.ท. คาดว่าการจดทะเบียนรถ EV ใหม่จะสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 50,000-70,000 คัน ในปีนี้ เทียบกับจำนวนการจดทะเบียนรถ EV ใหม่รวมที่ราว 9,000 คัน เมื่อปี 2565
แม้ตัวเลข BEV แข็งแกร่ง แต่ ส.อ.ท. เชื่อว่าสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่อาจส่งผลให้มาตรการ EV 3.5 ล่าช้าออกไป ซึ่งเป็นมาตรการสนับสนุนการลงทุนของผู้ผลิตแบตเตอรีรวมถึงการให้เงินอุดหนุนช่วยเหลือจากภาครัฐ ทำให้อาจกระทบต่อการน่าเข้ารถ BEV และบั่นทอนความเชื่อมั่นบนการลงทุนแบบ FDI ในประเทศไทย
ลดเป้าการผลิตรถยนต์ในปี FY2566 ส.อ.ท. ปรับลดเป้าการผลิตรถยนต์ในปี FY2566 ลง50,000 คัน หรือ 2.56% จาก 1.95 ล้านคัน มาอยู่ที่ 1.90 ล้านคัน จากการปรับลดประมาณการยอดผลิตเพื่อขายรถยนต์ในประเทศลง โดย ส.อ.ท. คาดกรณ์ว่าการผลิตรถยนต์อาจน้อยกว่าคาดการณ์เดิมเนื่องจากส่วนแบ่งการตลาดของรถ BEV ที่มากขึ้น (ประมาณ 5%) ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ได้ผลิตในประเทศไทย นอกจากนี้ ขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นจากสถาบันการเงินและคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอในช่วงที่หนี้ครัวเรือนอยู่ระดับสูงกอปรกับอัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องฉุดภาพการใช้จ่ายในการซื้อสินค้าชิ้นใหญ่และกำลังซื้อของผู้บริโภค
Implications
ยอดผลิตในอุตสาหกรรมรถยนต์อาจไม่มีการเติบโตในปีนี้ จำนวนการผลิตรถยนต์รวมแตะระดับที่ 921,512 คัน ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 5.9% YTD ซึ่งเท่ากับ 48% ของเป้าหมายใหม่ในปี FY2566 ของ ส.อ.ท. ที่ 1.90 ล้านคันแล้ว แม้คาดการผลิตรถยนต์จะมีแนวโน้มบรรลุเป้าที่ ส.อ.ท. คาดไว้ แต่มองไม่ใช่ข่าวดีของอุตสาหกรรม เนื่องจากเป้าการผลิตรถยนต์ใหม่ของ ส.อ.ท. ที่ 1.90 ล้านคัน บ่งชี้ถึงอัตราเติบโตที่ 0-1% ในปี 2566 เมื่อเทียบกับการผลิตรถยนต์ในปีที่แล้วที่ 1.88 ล้านคัน
แนวโน้มดูท้าทาย อุปสงค์ในประเทศดูอ่อนแอจากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ลดลง 5.0% YTD ตามการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นจากสถาบันการเงินในช่วงที่หนี้ครัวเรือนอยู่ระดับสูงและอัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น ขณะเดียวกันการส่งออกรถยนต์ที่เร่งตัวโดยเฉพาะส่งออกไปยังตลาดภูมิภาค อาจมีแนโน้มที่ดูท้าทายมากขึ้นในระยะถัดไป ตาม GDP ที่ชะลอตัวลงในประเทศคู่ค้าหลัก
บล.กสิกรไทยมองว่าตัวเลขรายงานจากส.อ.ท. โดยรวมยังไม่สนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ ( STANLY และ AH) และสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่แน่นอนคาดอาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติหรือ FDI โดยเฉพาะจากผู้ผลิตรถ BEV และแบตเตอร์รี่ในนิคมอุตสาหกรรม (AMATA และ WHA)