สรุปกรอบค่าไฟใหม่ เปิดบิลค่าไฟจริง ใช้ไฟเท่าไหร่ จ่ายกี่บาท?

กพช. เคาะค่าไฟฟ้า 3.99 บาทต่อหน่วยถึงสิ้นปี 68 เปิดสูตรคำนวณบิลค่าไฟแบบละเอียด ใช้ไฟเท่าไหร่จ่ายกี่บาท พร้อมค่าบริการ ภาษี และสิ่งที่ประชาชนควรรู้
ค่าไฟลดแล้ว! รัฐย้ำตรึง 3.99 บาทต่อหน่วยถึงสิ้นปี
ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบให้คงอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย สำหรับงวดเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2568 โดยรัฐบาลตั้งเป้าจะรักษาระดับราคานี้ให้ได้ไปจนถึงสิ้นปี เพื่อลดภาระของประชาชนและผู้ประกอบการจากต้นทุนค่าครองชีพ
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า รัฐบาลจะควบคุมปัจจัยต้นทุนต่าง ๆ และหากไม่มีเหตุฉุกเฉินหรือสถานการณ์พลังงานโลกที่เปลี่ยนแปลงไปมาก ก็จะพยายามไม่ให้ค่าไฟปรับสูงขึ้นอีกในปีนี้
ด้าน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยืนยันว่า ปี 2568 จะเป็น “ปีแห่งการลดค่าไฟ” โดยอัตราเฉลี่ย 3.99 บาทต่อหน่วย จะถูกตรึงไว้เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจในการวางแผนค่าใช้จ่าย
เปิดบิลจริง ใช้ไฟเท่าไหร่ จ่ายกี่บาท?
แม้จะประกาศอัตราเฉลี่ย 3.99 บาทต่อหน่วย แต่การคำนวณบิลค่าไฟที่แท้จริงนั้นไม่ได้มีเพียงการนำจำนวนหน่วยไฟฟ้ามาคูณราคานี้โดยตรงเท่านั้น เพราะในความเป็นจริง ค่าไฟฟ้าประกอบด้วยหลายองค์ประกอบ ได้แก่
1. ค่าไฟฟ้าฐานแบบขั้นบันได:
ยิ่งใช้มาก ยิ่งจ่ายแพงในแต่ละช่วงหน่วย เช่น หน่วยที่ 1–15 ราคาต่ำกว่าหน่วยที่ 151–400 ซึ่งมีราคาสูงสุดตามโครงสร้างของการไฟฟ้า แต่ในช่วงที่รัฐบาลตรึงอัตราเฉลี่ยไว้ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย หมายถึงรัฐนำค่าใช้จ่ายทุกส่วนมาคิดเฉลี่ยรวมแล้วไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย
2. ค่า Ft หรือค่าเชื้อเพลิงผันแปร:
เป็นค่าที่สะท้อนต้นทุนเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้า ซึ่งมีการปรับทุกงวดตามราคาก๊าซ LNG น้ำมัน และถ่านหิน โดยในงวดล่าสุด รัฐบาลอุดหนุนส่วนนี้เพื่อตรึงให้ไม่กระทบกับประชาชน
3. ค่าบริการรายเดือน:
ผู้ใช้ไฟประเภทบ้านอยู่อาศัย จะถูกคิดค่าบริการประจำเดือนในอัตราคงที่ 38.22 บาท/เดือน แม้จะใช้ไฟน้อยหรือมากก็ต้องจ่ายส่วนนี้เสมอ
4. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT):
คิดในอัตรา 7% จากยอดรวมค่าไฟฟ้าและค่าบริการรวมกันในแต่ละเดือน
ตัวอย่างการคำนวณค่าไฟโดยประมาณ (แบบใกล้เคียงกับบิลจริง)
หากบ้านหนึ่งใช้ไฟฟ้า 300 หน่วยต่อเดือน
• นำ 300 หน่วย คูณด้วย 3.99 บาท จะได้ประมาณ 1,197 บาท (ค่าไฟเฉลี่ย)
• บวกค่าบริการ 38.22 บาท
• รวมเป็น 1,235.22 บาท
• จากนั้นคิดภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ประมาณ 86.46 บาท
• รวมบิลทั้งหมดราว 1,321.68 บาทต่อเดือน
หากใช้ไฟมากขึ้น เช่น 500 หน่วย/เดือน
• คูณด้วย 3.99 บาท จะได้ 1,995 บาท
• บวกค่าบริการรายเดือน 38.22 บาท รวมเป็น 2,033.22 บาท
• คิด VAT 7% อีกประมาณ 142.32 บาท
• รวมบิลทั้งหมดประมาณ 2,175.54 บาทต่อเดือน
ในทำนองเดียวกัน หากใช้ไฟมากถึง 1,000 หน่วย/เดือน จะต้องเตรียมเงินจ่ายบิลเกือบ 4,300 บาทต่อเดือน เมื่อรวมทุกองค์ประกอบครบถ้วน
ย้อนดูอัตราค่าไฟในรอบปี
ช่วงต้นปี 2568 ค่าไฟเคยสูงถึง 4.15 บาทต่อหน่วยในงวดมกราคม–เมษายน ก่อนจะปรับลดลงมาเหลือ 3.98 บาทในงวดพฤษภาคม–สิงหาคม และล่าสุด กพช. เคาะ 3.99 บาทสำหรับงวดกันยายน–ธันวาคม ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำกว่าปี 2566 ที่เคยมีช่วงสูงสุดเกิน 4.70 บาทต่อหน่วย โดยเฉพาะในช่วงต้นวิกฤตพลังงานโลก
ค่าไฟถูกลง แต่ค่าใช้จ่ายยังต้องบริหารให้ดี
แม้จะมีการตรึงอัตราไว้ไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย แต่ในทางปฏิบัติ หากประชาชนยังคงใช้ไฟเท่าเดิมหรือมากขึ้นโดยไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ยอดบิลก็ยังสูงได้ตามจำนวนหน่วยไฟที่ใช้ ยิ่งในช่วงฤดูร้อนที่การใช้เครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้น บางครัวเรือนอาจเผชิญค่าไฟเฉียด 5,000 บาทต่อเดือน
วิธีใช้ไฟให้คุ้มค่าในช่วงตรึงราคา
1. ใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5 ให้มากที่สุด
2. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งาน โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนที่มีการใช้ไฟฟ้าสูง
3. ตั้งอุณหภูมิแอร์ไม่ต่ำกว่า 26 องศาเซลเซียส และเปิดพัดลมร่วมด้วย
4. หมั่นตรวจสอบบิลทุกเดือน และปรับพฤติกรรมตามแนวโน้มการใช้ไฟ
5. พิจารณาติดตั้งโซลาร์เซลล์ หากเป็นบ้านที่ใช้ไฟมากต่อเนื่อง เพื่อประหยัดระยะยาว