แก้ยาแพง รัฐบาลเปิดตัวโครงการ "สุขกาย สบายกระเป๋า" MOU โรงพยาบาลเอกชน ซื้อยาข้างนอกได้

"รัฐบาล" เดินหน้าแก้ยาแพง เปิดตัวโครงการ "สุขกาย สบายกระเป๋า" MOU โรงพยาบาลเอกชน เปิดราคายา-ซื้อยาข้างนอกได้ หวังลดค่าครองชีพด้านสุขภาพ 32,000 ล้านต่อปี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” ระหว่างกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน โดยมีนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ผู้แทนจากโรงพยาบาล และตัวแทนร้านขายยาทั่วประเทศ ร่วมงาน
นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นการขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจและสาธารณสุขครั้งสำคัญของประเทศไทย เป็นการปรับเปลี่ยนแนวทางการให้บริการทางการแพทย์ครั้งยิ่งใหญ่ รัฐบาลให้ความสำคัญกับงานด้านสาธารณสุขของประเทศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสุขภาพของประชาชน ปัจจุบันโรงพยาบาลรัฐมีผู้ป่วยไปรอรับการรักษาจำนวนมาก ในขณะที่การไปใช้บริการที่โรงพยาบาลเอกชนมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ทั้งค่ายาและค่าเวชภัณฑ์
ดังนั้นจึงเกิดเป็นโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” เป็นหนึ่งใน Quick Big Win ที่เน้นกระตุ้นสั้น ได้ผลยาว และกระจายตัว สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ให้โรงพยาบาลเอกชนเปิดเผยรายการยาและค่ายา เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้รับบริการที่โรงพยาบาลเอกชนมีข้อมูลที่ชัดเจน สามารถตัดสินใจเลือกซื้อยาในโรงพยาบาล หรือนอกโรงพยาบาลได้ เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชน และสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยได้
ทั้งนี้ ในภาพรวมจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชน เข้าถึงโรงพยาบาลเอกชนเพิ่มขึ้น และลดความแออัดในโรงพยาบาลรัฐ
เป็นการร่วมมือระหว่าง 4 หน่วยงาน ได้แก่ กรมการค้าภายใน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ร่วมลงนาม MOU ด้วยกัน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการแสดงรายละเอียดในใบสั่งยาของโรงพยาบาลเอกชนอย่างถูกต้องและครบถ้วน
โดยต้องแสดงรายการยา ข้อบ่งใช้ยา และราคายา เพื่อให้ผู้รับบริการมีข้อมูลสำหรับการตัดสินใจเลือกซื้อยาในโรงพยาบาลเอกชน หรือจะนำใบสั่งยาไปซื้อยาที่ร้านขายยานอกโรงพยาบาลได้
"โรงพยาบาลเอกชน" 300 แห่ง "ร้านขายยา" 3,400 แห่ง ร่วมโครงการ "สุขกาย สบายกระเป๋า"
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนสมัครใจเข้าร่วมโครงการแล้วมากกว่า 300 แห่ง และ มีร้านขายยามากกว่า 3,400 แห่งลงทะเบียนกับทาง อย. และมีตราสัญลักษณ์โครงการเตรียมพร้อมที่จะให้บริการแก่ประชาชนแล้ว นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถรับบริการผ่านช่องทาง Telepharmacy ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับสภาเภสัชกรรมได้ด้วย
โดยประชาชนสามารถนำใบสั่งยาจากโรงพยาบาลเอกชนไปซื้อยาที่ร้านขายยาที่ลงทะเบียนกับทาง อย. และมีตราสัญลักษณ์โครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า”
นโยบายนี้จะทำให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมด้านราคา และมั่นใจได้ว่า ได้ซื้อยาจากร้านขายยาที่มีคุณภาพมาตรฐาน คาดว่าจะช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนได้ไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี และยังเป็นการพัฒนาและยกระดับการบริการสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส และเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น
รัฐบาลเชื่อมั่นว่าการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ และสมาคมโรงพยาบาลเอกชนในครั้งนี้จะทำให้การสาธารณสุขของประเทศ เป็นการให้บริการที่เข้าถึงคนไทยทุกคน และสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวต่างชาติและนักลงทุนซึ่งเป็นการยกระดับการพัฒนาระบบสุขภาพและอุตสาหกรรมทางการแพทย์ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินโครงการสำคัญเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายาที่โรงพยาบาลเอกชน ซึ่งมักจะมีราคาสูงกว่าร้านขายยาทั่วไป เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานที่แตกต่างกัน อาทิ ค่าบุคลากร ค่าสถานที่ และค่าบริการอื่น ๆ โครงการนี้มีเป้าหมายหลักในการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาได้ในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม โดยคาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยได้เฉลี่ยถึง 30%
รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุว่า การดำเนินการนี้ไม่ใช่การบังคับโรงพยาบาลให้ลดราคายาโดยตรง แต่เป็นการสร้างกลไกตลาดเสรีให้เกิดการแข่งขันด้านราคา ซึ่งจะส่งผลให้โรงพยาบาลต้องปรับราคาให้เป็นธรรมมากขึ้นเพื่อดึงดูดผู้ป่วย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
