คมนาคมเคาะ "บัตรรายวันเหมาจ่าย" สายสีแดง - สีม่วง คาดเริ่ม 1 ธ.ค.

วันนี้ ( 29 ต.ค. 68 )นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าเพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นรองประธาน เพื่อสานต่อนโยบายลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาล

ที่ประชุมได้รับทราบมาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาท ตลอดสาย สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 และได้มีมติเห็นชอบในประเด็นสำคัญ ดังนี้:

1. มาตรการบัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน 1 ปี

เห็นชอบให้จัดทำ "บัตรโดยสารเหมาจ่ายรายวัน" สำหรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ระยะเวลาดำเนินการ: ภายในกรอบ 1 ปี (ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 - 30 พฤศจิกายน 2569) หรือตามมติคณะรัฐมนตรี

มอบหมายให้ รฟท. และ รฟม. ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำเสนอ ครม. พิจารณาต่อไป

2. เดินหน้าแนวคิดบริหารจัดการแบบองค์รวม (Single Ownership)

เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานบริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้าแบบองค์รวม (Single Ownership)

มอบหมายให้ รฟม. เป็นหน่วยงานของรัฐรายเดียว ทำหน้าที่บริหารจัดการโครงข่ายทั้งหมด รวมถึงดำเนินการโอนสิทธิ์รายได้และภาระหนี้สินของรถไฟฟ้า สายสีเขียวส่วนหลัก, ส่วนต่อขยาย, สายสีทอง และสายสีแดง ตามขั้นตอนของกฎหมาย

3. มาตรการสำคัญเพื่อความยั่งยืนทางการเงิน

ที่ประชุมมอบหมายให้ รฟม. ดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อไม่ให้เกิดภาระต่อการคลัง โดยให้เร่งดำเนินการใน 2 ส่วนหลักได้แก่

สรุปกรอบอัตราค่าโดยสารและประเมินความคุ้มค่า: เร่งสรุปผลการศึกษา เปรียบเทียบปริมาณผู้โดยสารและรายได้ที่เพิ่มขึ้น กับภาระที่รัฐต้องชดเชยหรือสูญเสียรายได้ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

เจรจากับเอกชนเพื่อปรับสัญญา: ดำเนินการแก้ไขสัญญาสัมปทานและสัญญาร่วมลงทุนของรถไฟฟ้าทุกสายที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณา ความเป็นไปได้ในการนำรายได้ค่าโดยสารในอนาคต มาใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการชดเชยเอกชน เพื่อให้โครงการให้บริการได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดย ไม่เพิ่มหนี้สาธารณะ และหาแนวทางให้เอกชนจัดหาแหล่งเงินทุนสำหรับเดินรถในระยะแรก

ข้อเสนอทั้งหมดนี้ต้องดำเนินการและรายงานผลภายใน 90 วัน นับจากวันนี้ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาขั้นสุดท้ายต่อไป