ส่อง “Czinger 21C Blackbird” ไฮเปอร์คาร์พิมพ์ 3 มิติ แรงบันดาลใจจากเครื่องบินสอดแนม
อุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีการใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติในการผลิตมากขึ้น เช่นเดียวกันไฮเปอร์คาร์ ซิงเกอร์ ทเวนตี้วัน ซี แบล็กเบิร์ด (Czinger 21C Blackbird) ที่ใช้ชิ้นส่วนพิมพ์ 3 มิติ และได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเครื่องบินสอดแนมชื่อดัง ล็อกฮีด เอสอาร์ เซเวนตี้วัน แบล็กเบิร์ด (Lockheed SR 71 Blackbird)
โดยบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จากสหรัฐอเมริกา ซิงเกอร์ (Czinger) ได้นำเสนอรถยนต์ไฮเปอร์คาร์รุ่นนี้ซึ่งต่อยอดมาจากโครงสร้างของรถรุ่น ทเวนตี้วันซี (21C) ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2020
ตัวรถรุ่นใหม่นี้ โดดเด่นด้วยการออกแบบโครงสร้าง ตัวถัง และล้อให้เป็นสีดำเงา มีห้องโดยสารรองรับได้ 2 ที่นั่ง ส่วนด้านหลังมีการออกแบบชุดท่อไอเสีย ได้แรงบันดาลใจมาจากลักษณะของ อาฟเตอร์เบิร์นเนอร์ (Afterburner) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ช่วยในการเผาไหม้ หรือตัวจุดสันดาปท้ายของเครื่องยนต์เจ็ท
ในแง่ของพละกำลัง ตัวรถใช้พื้นฐานการพัฒนามาจากรถตระกูล ทเวนตี้วันซี (21C)ใช้ระบบส่งกำลังแบบไฮบริด ซึ่งใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 2.9 ลิตร ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัวด้านหน้า ยังได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้มีกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 1,350 แรงม้า
อย่างไรก็ตามสำหรับรถรุ่นนี้ บริษัทไม่ได้มีการเผยตัวเลขประสิทธิภาพอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะสามารถทำความเร่งได้คล้ายกับรถรุ่น ทเวนตี้วันซี (21C) ซึ่งสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ ภายใน 1.88 วินาที และทำความเร็วสูงสุดที่ราว 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สำหรับจุดเด่นของรถตระกูล ทเวนตี้วันซี (21C) เควิน ซิงเกอร์ (Kevin Czinger) ผู้ก่อตั้งบริษัทให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ ฟอร์บ (Forbes) ว่า เขามองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในขณะที่ก้าวไปสู่ยุคพลังงานไฟฟ้า โดยเล็งถึงโอกาสในการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการออกแบบรถยนต์แบบดิจิทัล เพื่อจำลองการผลิตและการประกอบรถ
บริษัทจึงได้เริ่มต้นนำกระบวนการพิมพ์ 3 มิติขั้นสูงมาใช้กับการผลิตยานพาหนะ ทั้งในด้านของตัวถัง หรือแม้กระทั่งชิ้นส่วน ภายใน ทำให้ได้ผลงานที่มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น แต่ลดต้นทุนและลดระยะเวลาในการทำงานลง จนออกมาเป็นไฮเปอร์คาร์ ทเวนตี้วันซี (21C) ของบริษัท
สำหรับรถรุ่น ซิงเกอร์ ทเวนตี้วัน ซี แบล็กเบิร์ด (Czinger 21C Blackbird) บริษัทเผยว่าจะผลิตในจำนวนจำกัด อยู่ที่ 4 คันเท่านั้น แต่ละคันมีราคาเริ่มต้นที่ 2,800,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 102,700,000 บาท โดยปัจจุบันรถทั้ง 4 คันนี้มีเจ้าของจับจองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ข้อมูลจาก robbreport, forbes, threads, dupontregistry, carscoops