ภาพถ่าย "มนุษย์ดิ่งพสุธาข้ามดวงอาทิตย์" เป็นภาพถ่ายจริงไม่ใช่ภาพจาก AI

หลังจากภาพถ่าย "มนุษย์ดิ่งพสุธาข้ามดวงอาทิตย์" กลายเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ และเกิดการตั้งคำถามว่าเป็นภาพถ่ายจริงหรือภาพถ่ายที่สร้างจากปัญญาประดิษฐ์ AI แอนดรูว์ แมคคาร์ธี (Andrew McCarthy) ช่างภาพดาราศาสตร์ชื่อดังได้ออกมายืนยันว่าภาพถ่ายดังกล่าวเป็นจริง ๆ โดยภาพชุดดังกล่าวมีชื่อว่า การล่มสลายของอิคารัส (The Fall of Icarus)
ภาพถ่ายถูกบันทึกในช่วงที่เกบ บราวน์ (Gabe Brown) นักดิ่งพสุธาและเพื่อนของเขา กำลังร่วงหล่นตัดผ่านพื้นผิวของดวงอาทิตย์ได้อย่างคมชัดและน่าเหลือเชื่อ แมคคาร์ธีเผยว่าแนวคิดที่ดูท้าทายนี้ ในตอนแรกเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถทำให้เกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ เนื่องจากต้องพิจารณาปัจจัยทางฟิสิกส์และความปลอดภัยหลายอย่าง
แนวคิดสุดบรรเจิดนี้เกิดขึ้นภายหลังจากที่แอนดรูว์ แมคคาร์ธี (Andrew McCarthy) เคยประสบความสำเร็จในการถ่ายภาพการเคลื่อนผ่านของจรวด SpaceX Falcon 9 ตัดผ่านดวงอาทิตย์โดยใช้เทคนิคคล้ายกัน ทำให้เขาและเกบ บราวน์ (Gabe Brown) ได้ช่วยกันระดมความคิดกัน เพื่อตอบคำถามให้ได้ว่า "วัตถุที่เคลื่อนผ่านดวงอาทิตย์นั้นจะเป็นมนุษย์ได้หรือไม่ ?"
โครงการนี้ต้องการการประสานงานที่แม่นยำอย่างยิ่ง โดยเกบ บราวน์รับหน้าที่คำนวณด้านความปลอดภัยเป็นหลัก ขณะที่แอนดรูว์ แมคคาร์ธี มุ่งเน้นที่การคำนวณด้านการโฟกัส เนื่องจากต้องจัดการกับข้อจำกัดทางฟิสิกส์ทางแสงหลายประการ โดยเฉพาะเรื่อง ความชัดลึก (Depth of field) ของกล้องโทรทรรศน์ ซึ่งจำกัดระดับความสูงที่บราวน์จะสามารถปรากฏอย่างคมชัดขณะกำลังดิ่งพสุธา
การถ่ายภาพครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย การประสานงานระหว่างเครื่องบิน, นักดิ่งพสุธา และดวงอาทิตย์ ในขอบเขตการมองเห็นที่แคบของกล้องโทรทรรศน์ถือเป็นความท้าทายหลัก โดยหากดวงอาทิตย์อยู่สูงบนท้องฟ้า เครื่องบินจะเคลื่อนผ่านได้เพียงชั่วครู่ตามกฎของฟิสิกส์ แต่หากดวงอาทิตย์อยู่ต่ำเกินไป นักดิ่งพสุธาอาจไม่มีระยะขอบความปลอดภัยเพียงพอในการดึงร่มชูชีพ
หลังจากทำการคำนวณอย่างละเอียด ทั้งคู่ได้ค้นพบจุดที่เหมาะสม ในช่วงเช้าตรู่ที่ดวงอาทิตย์อยู่ต่ำพอสมควรสำหรับการประสานงานกับเครื่องบิน แต่ยังสูงพอที่บราวน์จะสามารถดึงร่มและลงจอดได้อย่างปลอดภัย และยังคงอยู่ในระยะโฟกัสที่ต้องการ พวกเขาเลือกพื้นที่ถ่ายภาพบริเวณ Willcox Playa Fly-In ในรัฐแอริโซนา ซึ่งเป็นพื้นที่ทะเลสาบแห้งแล้งที่กว้างใหญ่ไร้สิ่งกีดขวาง เป็นสถานที่ถ่ายทำที่เอื้อต่อการจัดแนวของเครื่องบินสำหรับการถ่ายภาพจากระยะไกลหลายไมล์
เกบ บราวน์ได้กระโดดจากเครื่องบินอากาศยานขนาดเบาพิเศษ (Ultralight aircraft) โดยกำหนดเวลาให้เงาดำของเขาตัดผ่านดวงอาทิตย์จากมุมมองของแมคคาร์ธีที่อยู่บนพื้นทะเลทราย ภายในขอบเขตการมองเห็นที่แคบมากเพียงไม่กี่ฟิลิปดา (Arcminutes)
การนำทางของนักบินอาศัยแสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากเครื่องบิน เมื่อจุดสว่างจากการสะท้อนแสงจัดเรียงตรงกับรถบรรทุกของแมคคาร์ธีอย่างสมบูรณ์ เลนส์ของกล้องโทรทรรศน์จะสว่างวาบ ซึ่งเป็นสัญญาณให้นักบินรู้ว่ากำลังจัดเรียงแนวกับดวงอาทิตย์ได้อย่างถูกต้องแล้ว
ด้านอุปกรณ์แอนดรูว์ แมคคาร์ธี ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ Lunt 60mm h-alpha และเน้นการถ่ายภาพไปที่บริเวณที่ใช้งานมากของดวงอาทิตย์ โดยใช้ตัวกรองไฮโดรเจน-อัลฟา (h-alpha) ซึ่งเป็นความยาวคลื่นที่เผยให้เห็นรายละเอียดของชั้นโครโมสเฟียร์ (Chromosphere) รวมถึงจุดบนดวงอาทิตย์ (Sun spots) และแสงวาบขนาดเล็ก (Micro flares)
ภาพมุมกว้างของเกเบรียล บราวน์ขณะผ่านดวงอาทิตย์ในภาพยนตร์เรื่อง The Fall of Icarus (เครดิตภาพ: Andrew McCarthy/ cosmicbackground.io )
แอนดรูว์ แมคคาร์ธีใช้เทคนิคการทำงานแบบสองสเกลพร้อมกัน โดยใช้ขอบเขตการมองเห็นที่กว้างขึ้นเพื่อนำทางนักบิน ก่อนจะสลับไปใช้ภาพครอปที่แคบมาก เพื่อให้ตัวของเกบ บราวน์ ตัดผ่านร่องที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ หลังจากที่เครื่องบินทำการผ่านถึง 6 ครั้ง ในที่สุดเมื่อนักบินจัดแนวได้ถูกต้องตามที่ต้องการแอนดรูว์ แมคคาร์ธี ก็ได้สั่งให้เกบ บราวน์ กระโดดออกจากเครื่องบิน
เงาดำของเกบ บราวน์ ตัดผ่านพื้นผิวที่เต็มไปด้วยรายละเอียดของดวงอาทิตย์ได้ถูกประกอบเข้ากับภาพโมเสกมุมกว้างกว่า 100 ภาพ เพื่อให้เห็นบริบทของดวงอาทิตย์เต็มดวง กลายเป็นผลงานศิลปะที่สำเร็จในชื่อ การล่มสลายของอิคารัส (The Fall of Icarus) ซึ่งตอกย้ำถึงความพยายามและความแม่นยำทางวิทยาศาสตร์ที่ผสานเข้ากับความคิดสร้างสรรค์อย่างไร้ขีดจำกัด
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
