หวั่นลิ่มเลือดอุดตัน! หลายชาติระงับวัคซีน J&J
วันนี้ ( 14 เม.ย. 64 )ด็อกเตอร์ ซเวลี ไมซ์ รัฐมนตรีสาธารณสุขแอฟริกาใต้ ประกาศเมื่อวานนี้ (13 เมษายน) สั่งระงับการใช้วัคซีนต้านโควิดของ Johnson & Johnson ในแอฟริกาใต้ ในวันเดียวกับที่สหรัฐฯ สั่งระงับการใช้วัคซีนดังกล่าว ถึงแม้ว่าที่แอฟริกาใต้จะไม่มีรายงานผู้มีอาการลิ่มเลือดอุดตันแม้สักกรณีก็ตาม โดยระบุว่า เป็นการตัดสินใจตามสหรัฐฯ ทำให้แอฟริกาใต้เป็นประเทศแรกที่ระงับใช้วัคซีน Johnson & Johnson ตามหลังสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ แอฟริกาใต้ก็เป็นประเทศแรกในโลก ที่ระงับใช้วัคซีนของ AstraZeneca ซึ่งพบปัญหาลิ่มเลือดอุดตันในผู้ได้รับวัคซีนเช่นกัน แอฟริกาใต้เพิ่งเริ่มใช้วัคซีน Johnson & Johnson ในบุคลากรการแพทย์
สำหรับการใช้วัคซีน Johnson & Johnson ในแอฟริกาใต้นั้นใช้กันอย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีผลการทดสอบพบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์แอฟริกาใต้มากกว่าตัวอื่น ๆ -- โดยเริ่มมาตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งมีบุคลากรการแพทย์เกือบ 300,000 คน ได้รับวัคซีนนี้แล้ว
ด้านสหภาพยุโรป หรือ EU ก็ประกาศระงับการใช้วัคซีนของ Johnson & Johnson ชั่วคราวแล้ว ซึ่ง Johnson & Johnson เพิ่งส่งวัคซีนไปยัง EU เพียง 24 ชั่วโมง ทำให้ Johnson & Johnson ต้องประกาศหยุดส่งวัคซีนไป EU ลงชั่วคราว
ด้านบริษัท Johnson & Johnson เอง ตัดสินใจหยุดการกระจายวัคซีนไปทั่วยุโรปแล้ว หลังเพิ่มเริ่มกระจายในยุโรปไปเมื่อสัปดาห์นี้ ในระหว่างที่รอผลตรวจสอบความปลอดภัยจาก FDA สหรัฐฯ นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางองค์การยาแห่งยุโรป หรือ EMA ยังได้เริ่มตรวจสอบกรณีที่สหรัฐฯ พบผู้ได้รับวัคซีน Johnson & Johnson เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน โดยเริ่มตรวจสอบก่อนหน้าสหรัฐฯ เสียอีก ตั้งแต่ที่เพิ่งพบผู้มีอาการลิ่มเลือดอุดตันในสหรัฐฯ หลังได้รับวัคซีนตัวนนี้ครั้งแรกจำนวน 4 คน ก่อนที่ล่าสุดจะเพิ่มเป็น 6 คน
ด้านผู้เชี่ยวชาญหลายคนกังวลว่า การเกิดลิ่มเลือดอุดตันในผู้ได้รับวัคซีน Johnson & Johnson ในสหรัฐฯ หลังจากที่พบปัญหาเดียวกันนี้ในผู้ได้รับวัคซีน AstraZeneca ในยุโรป จะยิ่งสั่นคลอนความเชื่อมั่นในวัคซีนต้านโควิดไปทั่วโลก.