ชาวนราฯวอน ลำบากมากอยู่แล้ว ขอ“ล็อกดาวน์”เป็นทางออกสุดท้าย
ชาวนราฯวอน ลำบากมากอยู่แล้ว ขอ“ล็อกดาวน์”เป็นทางออกสุดท้าย เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระดับสูงสุด
จากกรณีคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาส จะมีการประเมินสถานการณ์ตามแนวชายแดน หากพบมีการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย หรือ มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายโดยเจตนาหลบหนีไม่เข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่จังหวัดนราธิวาสเพิ่มขึ้น จนต้องมีการพิจารณาล็อกดาวน์หรือปิดเมืองในพื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดนราธิวาส ประกอบด้วย อำเภอสุไหงโก-ลก แว้ง ตากใบ เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระดับสูงสุด
- อ่าน ปักกิ่งประกาศล็อกดาวน์แล้ว หลังพบป่วย 'โควิด' วันเดียว 7 ราย
- อ่าน จะปลดล็อกพรุ่งนี้ดันไข่แตก นครพนมพบหญิงติด 'โควิด' ผู้ว่าสั่งล็อกดาวน์หมู่บ้านทันที
นายกิตติ หวังธรรมมั่ง ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า มั่นใจว่าคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาส จะมีมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และมั่นใจว่าหากต้องล็อกดาวน์หรือปิดเมืองก็คงเป็นทางออกสุดท้ายของการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19แล้ว เพราะคณะทำงานชุดนี้มีหลายภาคส่วนร่วมกันกำหนดมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าการป้องกันการแพร่ระบาดตั้งแต่ต้นจะช่วยควบคุมการแพร่ระบาด และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้มากกว่าการมาแก้ปัญหาภายหลัง เพราะหากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และส่วนหนึ่งลักลอบออกไปจากพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ผลกระทบก็จะขยายเป็นวงกว้างเมื่อสถานการณ์ยากเกินจะควบคุม ก็ต้องยกระดับมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ความเสียหายและผลกระทบก็จะมากขึ้นอย่างประเมินค่าไม่ได้ อย่างไรก็ตามหากจะมีการยกระดับมาตรการใดๆขอให้มีมาตรการการช่วยเหลือเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนไปพร้อมกันด้วย
ด้านนายสมโภช หงษ์กิตติยานนท์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมเก็นติ้ง อำเภอสุไหงโก-ลก กล่าวว่า โรงเเรมเก็นติ้ง ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างหนัก เพราะการเปิดให้บริการในห้วงนี้มีผู้มาใช้บริการบางตา ต่อวันมีผู้มาใช้บริการโดยเฉลี่ยประมาณ 4-10 ห้อง โดยลูกค้าทั้งหมดเป็นคนไทย จึงต้องประเมินสถานการณ์ไปอีกระยะว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร แต่เบื้องต้นยังไม่มีนโยบายปิดโรงแรม
ส่วนเรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของจังหวัดนราธิวาส หากจะมีการล็อกดาวน์หรือปิดเมืองจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ยังไม่เห็นด้วย เพราะจะกระทบเป็นวงกว้างกับประชาชนในพื้นที่ ควรดำเนินการป้องกันและแก้ปัญหาให้ตรงจุด หากพบการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการป้องกันที่เข้มงวดมากขึ้น และมีบทลงโทษสูงสุดสำหรับผู้ที่ทำผิดกฎหมาย
ด้านนางสาวโนรีซา มะแซ ประธานชุมชนหัวสะพาน เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก กล่าวว่า พื้นที่ชุมชนหัวสะพานแม้จะอยู่ติดริมฝั่งแม่น้ำโก-ลก แต่ยืนยันว่าไม่มีผู้ลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมายโดยไม่กักตัว และไม่อนุญาตให้บุคคลต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองเข้ามาพักในพื้นที่ ประธานชุมชน คณะกรรมการชุมชน และทุกคนในชุมชนต่างให้ความร่วมมือในการป้องกันและเฝ้าระวังพื้นที่เป็นอย่างดีเพราะไม่อยากให้การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มต้นที่ชุมชนหัวสะพาน
พร้อมกันนี้ได้ฝากถึงบุคคลที่พยายามลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายโดยไม่เข้ารายงานตัวเพื่อกักกันที่ศูนย์กักกันของรัฐ รวมทั้งผู้นำพาว่าอย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวโดยละเลยผลกระทบและความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ตามแนวชายแดนและคนไทยทั้งประเทศ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไสรัสโควิด19ในพื้นที่รัฐกลันตันที่อยู่ติดชายแดนไทย-มาเลเซียฝั่งจังหวัดนราธิวาสมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
ส่วนมาตรการล็อกดาวน์ที่อาจมีการประกาศบังคับใช้ในพื้นที่ ทำให้มีความกังวลกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน เพราะในขณะนี้แม้จะไม่มีการล็อกดาวน์ประชาชนก็ประกอบอาชีพอย่างลำบากอยู่แล้ว จึงอยากให้ใช้มาตรการอื่นๆไปก่อน เช่น การลงโทษขั้นสูงสุดกับผู้กระทำผิดโดยตรง ทั้งผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และผู้นำพาที่เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุมากกว่า