รีเซต

คนไม่ฉีดวัคซีนคือระเบิดเวลา? ยุโรปคุมเข้มสู้โควิด มุ่งจำกัดสิทธิคนเมินวัคซีน

คนไม่ฉีดวัคซีนคือระเบิดเวลา? ยุโรปคุมเข้มสู้โควิด มุ่งจำกัดสิทธิคนเมินวัคซีน
TNN ช่อง16
19 พฤศจิกายน 2564 ( 11:42 )
40
คนไม่ฉีดวัคซีนคือระเบิดเวลา? ยุโรปคุมเข้มสู้โควิด มุ่งจำกัดสิทธิคนเมินวัคซีน

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า กลุ่มคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนต้านโควิดในยุโรป เปรียบเหมือนเป็น “ระเบิดเวลา” ที่จะทำให้เกิดการระบาดรอบใหม่  ดังนั้น การกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มโควิด-19 อีกครั้ง จึงพุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนต้านโควิดโดยเฉพาะ


---มาตรการจำกัดพื้นที่คนไม่ฉีดวัคซีน---


จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงทั่วยุโรป สร้างความกังวลว่าจะเกิดการระบาดโควิด-19 เป็นรอบที่ 5 ทำให้รัฐบาลหลายประเทศ ต่างต้องหวนกลับมา หรือเตรียมจะกลับไปใช้มาตรการสกัดโควิดอย่างเข้มงวดอีกครั้ง แต่จะเน้นควบคุมเข้มงวด เฉพาะกลุ่มคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนต้านโควิดเท่านั้น


อย่างเช่น มาตรการล็อกดาวน์จำกัดพื้นที่ ส่งผลให้กลุ่มคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนต้านโควิดจะไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ในขณะที่ผู้ที่ฉีดวัคซีนต้านโควิดครบแล้ว จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเสรีมากกว่า


---เยอรมนีคุมเข้ม---


ที่เยอรมนี สถานการณ์โควิดระบาดรุนแรงที่สุดในยุโรปขณะนี้ ล่าสุดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งทำสถิติสูงสุดอีกครั้งทะลุ 65,000 คนแล้ว เป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่มีการระบาดในประเทศ


สภาบุนเดสทากของเยอรมนีเพิ่งผ่านร่างกฎหมายใหม่ ห้ามชาวเยอรมันถึง 14 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่คือคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนต้านโควิด เข้าใช้บริการขนส่งสาธารณะ และห้ามเดินทางไปทำงานด้วย หากฝ่าฝืนจะถูกปรับเงิน


นอกจากนี้ ยังรวมถึงคำสั่งให้ตรวจเชื้อรายวัน สำหรับพนักงานและผู้เข้าเยี่ยมบ้านพักผู้สูงวัย ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับวัคซีนแล้วหรือไม่ก็ตาม


---ลงโทษถึงขั้นจำคุก 5 ปี---


และรวมถึง "กฎ 3G" (ภาษาเยอรมัน geimpft, genesen, getestet) ที่ขอให้ประชาชนแสดงเอกสารยืนยันการฉีดวัคซีน หรือหลักฐานการหายป่วยจากโรค หรือการตรวจเชื้อเป็นลบ ในการทำงาน และเข้าใช้บริการรถโดยสารสาธารณะด้วย


ขณะเดียวกัน ทั้ง 16 รัฐ ก็สามารถออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อควบคุมการระบาดได้อีก รวมถึง การคุมเข้ม หรือห้ามจัดงานเทศกาล, วัฒนธรรม, การรแข่งขันกีฬา, ห้ามเยี่ยมผู้ป่วย รวมถึงห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในที่สาธารณะและออกคำสั่งปิดมหาวิทยาลัยได้ด้วย


กฎใหม่นี้ รวมถึงการมีบทลงโทษอย่างรุนแรงจนถึงจำคุก 5 ปี หากฝ่าฝืนการแสดงเอกสารการฉีดวัคซีน ขณะที่มีวัคซีนพาสปอร์ตปลอมจำหน่ายในเยอรมนีในราคาราว 400 ยูโร หรือกว่า 14,000 บาท


แต่มาตรการใหม่นี้ ไม่รวมคำสั่งปิดโรงเรียน, ห้ามเดินทางท่องเที่ยว หรือการบังคับฉีดวัคซีนแต่อย่างใด


---มุ่งจำกัดสิทธิคนไม่ฉีดวันซีน---


ด้านนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล และบรรดาผู้นำ 16 รัฐของเยอรมนี เห็นพ้องต้องกัน ในการใช้มาตรการจำกัดการเคลื่อนไหวของคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน


นางแมร์เคิล ระบุว่า สถานการณ์โควิดในประเทศ รุนแรงมาก เราต้องหยุดยั้งการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยในห้องไอซียูอย่างรวดเร็ว


มาตรการใหม่นี้ หมายความว่า ในหลายพื้นที่ที่มีอัตราผู้ป่วยโควิดเข้าโรงพยาบาลมากกว่า 3 คน ต่อประชากร 100,000 คนในช่วง 7 วันที่ผ่านมา จะอนุญาตให้เฉพาะคนที่ฉีดวัคซีน หรือผู้ที่หายป่วยจากโควิดแล้วเท่านั้น สามารถเข้าไปใช้บริการในพื้นที่สาธารณะได้


ร่างกฎหมายนี้กำลังเข้าสู่การลงมติของวุฒิสภาเยอรมนี ต้องผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาก่อนในวันศุกร์นี้ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งมีนักการเมืองอนุรักษ์นิยมบางคนขู่คัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าว


---ฝรั่งเศสเตือน คนไม่ฉีดวัคซีนเหมือนระเบิดเวลา---


ฝรั่งเศส ผู้เชี่ยวชาญบางคนเตือนว่า กลุ่มคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนต้านโควิด เปรียบเสมือนเป็น “ระเบิดเวลา” ที่รอการระเบิด คือทำให้เกิดการระบาดของโควิด-19 ครั้งใหม่ พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลฝรั่งเศสเพิ่มความเข้มงวดในการใช้วัคซีนพาสปอร์ต


โดยการฉีดวัคซีนครบโดสเพียง 2 เข็มนั้น ไม่เพียงพอแล้ว แต่ต้องกำหนดให้ทุกคนต้องแสดงใบรับรองว่าได้ฉีดวัคซีนต้านโควิดเข็มกระตุ้นหรือเข็มที่ 3 แล้วด้วย จึงจะสามารถเข้าไปในร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า และโรงพยาบาลได้ และควรบังคับให้บุคลากรการแพทย์ทุกคนต้องฉีดเข็มกระตุ้น หรือเข็ม 3 ด้วย


สำหรับสถานการณ์ระบาดในฝรั่งเศสล่าสุด จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ทะลุ 20,000 คนต่อวันเป็นครั้งแรกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (17 พฤศจิกายน) สูงที่สุดในรอบเกือบ 3 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมปีนี้ และอาจนับเป็นการเริ่มเข้าสู่การระบาดเป็นรอบที่ 5 แล้ว


ล่าสุด ที่ฝรั่งเศสมีผู้ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบ 2 เข็มแล้ว 69%


---มาตรการในอิตาลีและกรีซ---


ส่วนอิตาลีกำลังพิจารณาใช้มาตรการล็อกดาวน์จำกัดพื้นที่เฉพาะคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนต้านโควิด โดยผู้ว่าการ 5 รัฐในอิตาลีสนับสนุนแผนการนี้ ล่าสุด อิตาลีมีผู้ฉีดวัคซีนต้านโควิดครบแล้ว 73.8%


ด้านกรีซเป็นประเทศในยุโรปล่าสุด ที่ประกาศมาตรการเข้มงวดต่อผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนต้านโควิด โดยนายกรัฐมนตรี ไคริอาคอส มิตโซตาคิส ของกรีซ ประกาศทางโทรทัศน์ไปถึงประชาชนทั่วประเทศเมื่อวานนี้ (18 พฤศจิกายน) ว่า ชาวกรีซที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนต้านโควิด จะไม่สามารถเข้าใช้บริการสาธารณะที่อยู่ในร่มได้ รวมไปถึงฟิตเนสและพิพิธภัณฑ์ ถึงแม้ว่าจะมีผลตรวจเชื้อโควิดเป็นลบ คือ ไม่ติดเชื้อก็ตาม เริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ล่าสุด กรีซมีผู้ฉีดวัคซีนต้านโควิดแล้ว 60.6%


นายกฯ กรีซระบุด้วยว่า จำเป็นต้องออกมาตรการเข้มงวดใหม่นี้ เพื่อปกป้องเทศกาล “คริสต์มาส” จากโควิด และจะทำให้เรามีช่วงคริสต์มาสที่ดีกว่าปีที่แล้ว


---ออสเตรียล็อกดาวน์เข้มขึ้นเรื่อย ๆ---


ออสเตรีย ซึ่งเป็นชาติแรกของโลกที่ใช้มาตรการการล็อกดาวน์ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนกว่า 2 ล้านคน ในหลายเมืองรวมถึงกรุงเวียนนา หนึ่งสัปดาห์หลังจากใช้มาตรการดังกล่าว


ล่าสุด 2 รัฐในออสเตรีย คือ ซาลซ์บูร์กและอัปเปอร์ออสเตรีย ได้ออกมาตรการล็อกดาวน์สำหรับทั้งผู้ที่ฉีดและยังไม่ได้ฉีดวัคซีนต้านโควิด เริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป เนื่องจากโรงพยาบาลอยู่ในภาวะตึงมือจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้น


วิลฟรีด ฮาสเลาเออร์ ผู้ว่าการซาลซ์บูร์ก ระบุว่า เราไม่เห็นทางเลือกอื่นในการล็อกดาวน์ในสัปดาห์หน้าแล้ว คาดว่าการล็อกดาวน์ในทั้งสองรัฐ น่าจะใช้เวลาอย่างน้อยหลายสัปดาห์


มาตรการดังกล่าวมีขึ้น ขณะที่ทางการออสเตรียพบผู้ป่วยรายใหม่ 15,609 คนในวันเดียวทั่วประเทศ เป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดในประเทศ และ 40% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ในรัฐซาลซ์บูร์กและอัปเปอร์ออสเตรีย


ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้าน เรียกร้องให้มีการขยายมาตรการล็อกดาวน์ไปทั่วประเทศ ล่าสุด มีผู้ฉีดวัคซีนโควิดในออสเตรียครบแล้ว 64.8%

—————

แปล-เรียบเรียง: เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์ และ สุภาพร เอ็ลเดรจ

ภาพ: Reuters

ข่าวที่เกี่ยวข้อง