ไอซ์แลนด์ พิสูจน์แล้ว! ท่องเที่ยวได้...โดยไม่ทำร้ายโลก

หลายประเทศทั่วโลกต่างเร่งดำเนินโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อลดผลกระทบจากการท่องเที่ยว และในบรรดาประเทศเหล่านั้น ไอซ์แลนด์โดดเด่นขึ้นมาในฐานะผู้นำการท่องเที่ยวยั่งยืน ด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างมหาศาล การกำหนดนโยบายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด และการส่งเสริมแนวปฏิบัติการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ
ท่ามกลางความต้องการเดินทางอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มสูงขึ้น ไอซ์แลนด์ได้วางตำแหน่งตัวเองอย่างชัดเจนในฐานะศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ความพยายามของประเทศไม่ได้มุ่งเพียงแต่การอนุรักษ์ภูมิทัศน์อันน่าตื่นตา เช่น ธารน้ำแข็ง น้ำพุร้อน และภูเขาไฟเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์และส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในหมู่นักท่องเที่ยวด้วย ด้วยการผสานนโยบายรัฐบาลที่สร้างสรรค์ การคมนาคมขนส่งที่ยั่งยืน และที่พักแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไอซ์แลนด์พิสูจน์แล้วว่าการท่องเที่ยวสามารถเติบโตได้โดยไม่ทำร้ายโลก
ทำไมความยั่งยืนจึงสำคัญสำหรับการท่องเที่ยว
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของโลก แต่ก็สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งการปล่อยคาร์บอน การสร้างขยะ และการทำลายภูมิทัศน์ธรรมชาติ ไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของระบบนิเวศที่เปราะบางที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตระหนักดีถึงความจำเป็นในการสร้างสมดุลระหว่างการท่องเที่ยวและการอนุรักษ์
จากสถิติพบว่าประมาณ 80% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนไอซ์แลนด์มีเป้าหมายเพื่อชมความงดงามทางธรรมชาติ รัฐบาลจึงได้กำหนดนโยบายที่เข้มงวด เช่น การจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวในพื้นที่เปราะบาง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมแนวปฏิบัติการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ นอกจากนี้ โครงการรับรองมาตรฐาน Vakinn ที่จัดทำโดยคณะกรรมการการท่องเที่ยวไอซ์แลนด์ ยังช่วยส่งเสริมธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้วย
ความมุ่งมั่นของไอซ์แลนด์ต่อการเดินทางอย่างยั่งยืน
รัฐบาลไอซ์แลนด์ขับเคลื่อนแนวทางรักษ์โลกผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น Green Steps Program, Climate Action Plan รวมถึงการเน้นย้ำการใช้พลังงานหมุนเวียน เป้าหมายระยะยาวคือการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2040 และเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลภายในปี 2050
หนึ่งในตัวอย่างที่โดดเด่นคือ Camp Easy Iceland บริษัทให้เช่ารถบ้านที่ลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้า เช่น Tesla campers เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั่วประเทศได้
การคมนาคมสีเขียว
ด้านการขนส่ง ไอซ์แลนด์เร่งเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ โดยในกรุงเรคยาวิก มีการนำรถโดยสารพลังงานไฮโดรเจนและไฟฟ้าเข้ามาให้บริการ พร้อมขยายเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว
สายการบินแห่งชาติอย่าง Icelandair ก็ร่วมมือด้วย โดยลงทุนในเชื้อเพลิงการบินทางเลือก และโครงการชดเชยคาร์บอน เพื่อลดผลกระทบจากการเดินทางทางอากาศ
การท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ
นักท่องเที่ยวที่มาเยือนไอซ์แลนด์จะได้รับการแนะนำเรื่องการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ เช่น ผ่านโครงการ Vakinn ที่รับรองธุรกิจที่ปฏิบัติตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อมสูง และการส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น เดินป่า อาบน้ำแร่ธรรมชาติ และเข้าร่วมโครงการอนุรักษ์สัตว์ป่า
นอกจากนี้ ไอซ์แลนด์ยังออกกฎหมายควบคุมสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด เช่น การห้ามขับรถออกนอกเส้นทางที่กำหนด เพื่อปกป้องมอสส์ซึ่งใช้เวลาหลายสิบปีในการฟื้นฟู และการควบคุมการดูสัตว์ป่าอย่างมีจริยธรรม
ที่พักและการบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โรงแรมและที่พักในไอซ์แลนด์หลายแห่งหันมาใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพ ลดขยะ และเลือกใช้วัสดุท้องถิ่นในการก่อสร้าง ขณะเดียวกัน เทรนด์การท่องเที่ยวแบบใช้ Tesla camper ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นำเสนอตัวเลือกการเดินทางนอกเมืองที่ทั้งสะดวกสบายและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ร้านอาหารในไอซ์แลนด์ก็หันมาสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น ลดการใช้พลาสติก และลดการสูญเสียอาหาร ส่งเสริมระบบเกษตรกรรมแบบ farm-to-table ที่ลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์จากการขนส่งวัตถุดิบอีกทางหนึ่ง
ด้วยนโยบายที่รอบด้าน ตั้งแต่โครงการของรัฐบาล พลังงานหมุนเวียน ธุรกิจยั่งยืน ไปจนถึงแนวปฏิบัติการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ ไอซ์แลนด์จึงกลายเป็นต้นแบบระดับโลกของการเดินทางอย่างยั่งยืน
นักท่องเที่ยวที่เลือกไอซ์แลนด์และสนับสนุนความพยายามด้านสิ่งแวดล้อมของที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นการเช่า Tesla camper พักในโรงแรมที่ผ่านการรับรอง Vakinn หรือปฏิบัติตามหลัก "Leave No Trace" ต่างมีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน
ในขณะที่โลกกำลังมองหาทางออกจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ไอซ์แลนด์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบนั้นไม่เพียงแต่เป็นไปได้ แต่จำเป็นอย่างยิ่ง