รีเซต

TNN Exclusive : “รัฐบาลใหม่”ยิ่งช้ายิ่งเสียโอกาส หวั่นนักลงทุนหนี “การเมืองไม่นิ่ง”

TNN Exclusive : “รัฐบาลใหม่”ยิ่งช้ายิ่งเสียโอกาส  หวั่นนักลงทุนหนี “การเมืองไม่นิ่ง”
TNN ช่อง16
2 กรกฎาคม 2566 ( 12:22 )
96

“ถ้าไม่มีรัฐบาลตัวจริง การจัดตั้งรัฐบาลไม่เป็นไปตามไทม์ไลน์ หรือเลื่อนออกไป ถึงแม้จะมีรัฐบาลรักษาการ แต่ข้อจำกัดรัฐบาลรักษาการ คือ ไม่มีอำนาจ หลายเรื่องทำไม่ได้ ขาดความคล่องตัว นโยบายที่จะขับเคลื่อนก็ช้าออกไป”

 

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ให้สัมภาษณ์พิเศษรายการ TNN ข่าวค่ำ ถึงข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะได้เห็นหน้าตาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ระบุว่า หากวันที่ 4 ก.ค.นี้ เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภาฯ ได้โดยทุกอย่างเป็นไปตามไทม์ไลน์ ก็จะเห็นความชัดเจนขึ้นอีกขั้นตอนหนึ่ง หลังจากผ่านช่วงที่รอกลุ้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ประกาศรับรอง ส.ส.มาแล้ว ซึ่ง จากนี้เป็นช่วงสำคัญ เพราะหากเลือกประธานสภาฯได้แล้ว ขั้นต่อไปก็เป็นการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ฉะนั้นจะเห็นหน้าตารัฐบาลชัดเจนขึ้น



นายเกรียงไกร ระบุว่า เสถียรภาพทางการเมืองมีความสำคัญมาก เพราะที่ผ่านมา ตลาดหุ้น ตลาดทุน มีความผันผวน ซึ่ง หากการเมืองนิ่งมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นมา อย่างที่ ส.อ.ท.เคยพูดเสมอ คือ การมีรัฐบาลตัวจริงตามไทม์ไลน์ จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ตอนนี้มีการบ้านให้ทำมากมาย ทั้งปัจจัยภายนอก รวมทั้ง เรื่องการส่งออกที่ไทยติดลบมาตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา หากมีรัฐบาลใหม่จะได้มาช่วยวางแผนกาตลาดใหม่ แทนตลาดเก่าที่กำลังซื้อลดลง รวมทั้ง มาช่วยขับเคลื่อนนโยบายฟื้นฟู SME  ให้เข้มแข็ง มีสภาพคล่องที่ดีขึ้น และภาพรวมการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจตัวเดียวที่ยังเข้มแข็งอยู่ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการวางแผนงบประมาณปีถัดไปที่จะใช้ในการอนุมัติเบิกจ่ายในส่วนต่างๆ ล้วนเป็นงานข้างหน้าที่มากมายรอรัฐบาลใหม่อยู่

สำหรับแนวโน้มการส่งออกในครึ่งปีหลังยังคงติดลบ หากจะคงการเติบโตให้อยู่ในระดับ 0 ยังเป็นเรื่องยาก เพราะปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกทั้งสถานการรณ์รัสเซีย-ยูเครน ราคาพลังงานที่สูงขึ้น และภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ซึ่ง สหรัฐฯ มีมาตรการเข้มข้นในการต่อสู้กับเงินเฟ้อโดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วและแรง ดังนั้น ยังเป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ก่อนหน้านี้ นายเกรียงไกร เปิดเผยว่า ภาคการส่งออกของไทยติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 เนื่องจากกำลังซื้อจากตลาดสหรัฐ และยุโรปลดลง ดังนั้น จึงยังคงประเมินว่า ปี 2566 ส่งออกยังคงอยู่ในกรอบ 0 ถึง -1% ตามที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เคยคาดการณ์ไว้




อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยากให้รัฐบาลใหม่ทำเป็นอันดับแรกเมื่อเข้ามาบริหาร คือ การเร่งแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาแม้จะมีการรายงานยอดการบริโภคภายในเริ่มฟื้นตัว การท่องเที่ยวในประเทศเริ่มฟื้นตัว แต่ยังอยู่ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นและประชาชนมีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าไฟที่แพง ทำให้ราคาสินค้าปรับขึ้น ขณะที่รายได้ต่อเดือนไม่พอต่อรายจ่าย นอกจากนี้ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่แตะเกือบ 90% ถือว่าสูงมาก เป็นระเบิดเวลาที่พร้อมพังเศรษฐกิจในอนาคตและส่งผลให้กำลังซื้อลดลง ดังนั้น อยากให้รัฐบาลใหม่มาช่วยแก้ปัญหาเรื่องของการลดต้นทุนด้วยเพื่อช่วยประชาชน รวมทั้งในส่วนของผู้ประกอบการก็จะสามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้




นายเกรียงไกร มองว่า ถ้าไม่มีรัฐบาลตัวจริง การจัดตั้งรัฐบาลไม่เป็นไปตามไทม์ไลน์ หรือเลื่อนออกไป ถึงแม้จะมีรัฐบาลรักษาการ แต่ข้อจำกัดรัฐบาลรักษาการ คือ ไม่มีอำนาจ หลายเรื่องทำไม่ได้ ขาดความคล่องตัว นโยบายที่จะขับเคลื่อนก็ช้าออกไป จะทำให้ SME ประสบปัญหามากขึ้น NPL อาจพุ่งขึ้นและกระทบสถาบันการเงินที่จะมีปัญหาตามมาอีก ที่สำคัญ ความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศจะชะลอตัว จนกว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะนิ่ง โดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศที่ถือว่าน่ากังวล เพราะนักลงทุนเหล่านี้มีเวลารอไม่นาน หากผิดแผนของเขาไปมากก็อาจจะย้ายฐานการผลิตไปที่อื่น ซึ่งจะทำให้ไทยเสียโอกาสอย่างมาก

 

เรียบเรียงโดย : กาญธิกา มาเรียน อังคณิต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง