เปรียบเทียบสเปก Nintendo Switch 2 ดีกว่า Switch 1 อย่างไรบ้าง

Nintendo Switch 2 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2025 ที่ผ่านมา โดยเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่จาก Nintendo Switch รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 2017 และรุ่น OLED ในปี 2021 ซึ่งมีการปรับปรุงทั้งในด้านประสิทธิภาพ กราฟิก จอแสดงผล และการออกแบบ เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน
สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจอยากจัด Switch 2 ไว้เล่นสักเครื่อง แต่ไม่แน่ใจว่าการอัปเกรดดีขึ้นอย่างไรบ้าง นี่คือการเปรียบเทียบสเปกและจุดเด่นของ Nintendo Switch 2 เมื่อเทียบกับ Nintendo Switch รุ่นแรกที่พวกเรา TrueID รวบรวมมาไว้ให้แล้วครับ ตามนี้เลย
1. หน่วยประมวลผล (CPU / GPU)
- Nintendo Switch 1: ใช้ชิป Nvidia Tegra X1 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่เปิดตัวในปี 2015
- CPU: ARM Cortex-A57 (4 คอร์) และ Cortex-A53 (4 คอร์)
- GPU: Nvidia Maxwell-based (256 CUDA cores)
- ประสิทธิภาพ (Docked): ประมาณ 0.39 TFLOPS
- Nintendo Switch 2: ใช้ชิป Nvidia T239 (Ampere-based) ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ Nintendo
- CPU: 8 คอร์ ARM Cortex-A78C (6 คอร์สำหรับเกม, 2 คอร์สำหรับระบบ)
- GPU: Nvidia Ampere-based (1534 CUDA cores)
- ประสิทธิภาพ (Docked): ประมาณ 3.09 TFLOPS (ประมาณ 10 เท่าของ Switch 1)
- ประสิทธิภาพ (Handheld): ประมาณ 1.71 TFLOPS
- จุดเด่น: มาพร้อมเทคโนโลยี AI เช่น Nvidia DLSS (Deep Learning Super Sampling) ที่ช่วยอัปสเกลภาพจากความละเอียดต่ำให้คมชัดขึ้นโดยใช้ AI และรองรับ Ray Tracing ซึ่งช่วยให้แสงและเงาในเกมดูสมจริงยิ่งขึ้น ทำให้ได้ภาพกราฟิกที่สวยงามและรายละเอียดสูงกว่าเดิมมาก
2. RAM (หน่วยความจำ)
- Nintendo Switch 1: 4GB LPDDR4
- Nintendo Switch 2: 12GB LPDDR5X (แบ่งเป็น 2 โมดูล 6GB)
- จุดเด่น: RAM ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล (3 เท่า) และเป็นชนิดที่เร็วกว่า ช่วยให้การโหลดเกมเร็วขึ้น, การทำงานแบบ Multi-tasking ลื่นไหลขึ้น, และรองรับเกมที่มีความต้องการทรัพยากรสูงได้ดีขึ้น
3. หน่วยความจำภายใน (Internal Storage)
- Nintendo Switch 1: 32GB (รุ่นแรก), 64GB (รุ่น OLED)
- Nintendo Switch 2: 256GB UFS Storage
- จุดเด่น: เพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลภายในถึง 8 เท่าจากรุ่นแรก (หรือ 4 เท่าจากรุ่น OLED) ช่วยให้ติดตั้งเกมได้มากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่ง microSD card มากเท่าเดิม และยังสามารถขยายได้ผ่าน microSD Express cards สูงสุด 2TB
4. หน้าจอ (Display)
- Nintendo Switch 1:
- รุ่นแรก: 6.2 นิ้ว, LCD, 720p (Handheld)
- รุ่น OLED: 7.0 นิ้ว, OLED, 720p (Handheld)
- Nintendo Switch 2: 7.9 นิ้ว, LCD, 1080p (Handheld)
- จุดเด่น:
- ขนาดใหญ่ขึ้น: ให้ประสบการณ์การเล่นเกมแบบพกพาที่เต็มตาขึ้น
- ความละเอียดสูงขึ้น: แสดงผลแบบ Full HD (1080p) ในโหมดพกพา ให้ภาพที่คมชัดกว่า 720p ของรุ่นก่อนหน้า
- อัตรารีเฟรช 120Hz: รองรับ Variable Refresh Rate (VRR) สูงสุด 120Hz ทำให้ภาพเคลื่อนไหวในเกมลื่นไหลกว่าเดิมมาก (สำหรับเกมที่รองรับ)
- รองรับ HDR10: ให้สีสันและความสว่างที่สมจริงยิ่งขึ้น (แม้จะเป็น LCD แต่มีการปรับปรุงคุณภาพอย่างมาก)
5. การแสดงผลเมื่อต่อออกทีวี (Video Output - Docked Mode)
- Nintendo Switch 1: สูงสุด 1080p (Full HD) ที่ 60Hz
- Nintendo Switch 2: สูงสุด 4K (3840 x 2160) ที่ 60Hz
- จุดเด่น: สามารถแสดงผลบนทีวี 4K ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยความช่วยเหลือของ DLSS ทำให้ภาพที่แสดงบนจอใหญ่มีความคมชัดและสวยงามอย่างเห็นได้ชัด
6. Joy-Con และการออกแบบ
- Nintendo Switch 1: Joy-Con สไลด์เข้าออกด้วยรางล็อก
- Nintendo Switch 2: Joy-Con 2 ยึดติดด้วยแม่เหล็ก
- จุดเด่น:
- Joy-Con 2 มีการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่ดีขึ้น และมีปุ่ม "C" ใหม่สำหรับฟีเจอร์ Game Chat
- การยึดติดด้วยแม่เหล็กทำให้ถอดใส่ได้ง่ายขึ้น แต่ยังคงมั่นคง
- ตัวเครื่องโดยรวมใหญ่และหนักขึ้นเล็กน้อย (ประมาณ 401 กรัม vs 297 กรัมของ Switch 1) แต่ให้ความรู้สึกแข็งแรงและจับถนัดมือขึ้น
- ขาตั้งด้านหลังได้รับการออกแบบใหม่ให้แข็งแรงขึ้น และมีพอร์ต USB-C เพิ่มเติมด้านบน (รวมเป็น 2 พอร์ต)
7. แบตเตอรี่
- Nintendo Switch 1: 4,310 mAh (รุ่นแรกและรุ่น OLED) ให้เวลาเล่น 2.5 - 9 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับรุ่นและการใช้งาน)
- Nintendo Switch 2: 5,220 mAh
- จุดเด่น: แม้แบตเตอรี่จะใหญ่ขึ้น แต่เนื่องจากฮาร์ดแวร์ภายในที่ทรงพลังกว่า ทำให้ Nintendo ประมาณการอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ 2 - 6.5 ชั่วโมง ซึ่งใกล้เคียงกับ Switch 1 รุ่นแรก แต่ได้ประสิทธิภาพที่สูงกว่ามาก
8. การรองรับเกม (Backward Compatibility)
- Nintendo Switch 2: รองรับการเล่นเกมของ Nintendo Switch 1 ทั้งในรูปแบบตลับเกม (Game Card) และดิจิทัล
- จุดเด่น: เกมเก่าจะได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพและกราฟิกให้ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ (เช่น โหลดเร็วขึ้น, เฟรมเรตดีขึ้น) และบางเกมอาจมี "Switch 2 Edition" ที่มีการอัปเกรดฟีเจอร์หรือเนื้อหาเพิ่มเติม (อาจมีค่าใช้จ่าย)
9. ฟีเจอร์เพิ่มเติมอื่นๆ
- Wi-Fi: Switch 1 รองรับ Wi-Fi 5, Switch 2 รองรับ Wi-Fi 6 (ให้การเชื่อมต่อที่เสถียรและเร็วขึ้น)
- ระบบเสียง: Switch 2 มีลำโพงที่ออกแบบใหม่ ให้เสียงที่ดีขึ้น
- Game Chat: มีปุ่มเฉพาะบน Joy-Con 2 สำหรับฟีเจอร์แชทในเกม
- Virtual Game Sharing: คุณสมบัติใหม่ที่ช่วยให้แชร์เกมดิจิทัลกับเพื่อนได้
- GameCube Emulator: เป็นคุณสมบัติพิเศษสำหรับ Switch 2 โดยเฉพาะ ที่สามารถเล่นเกม GameCube ได้
สรุป:
Nintendo Switch 2 เป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในทุกๆ ด้าน ทั้งประสิทธิภาพกราฟิกที่แรงขึ้นอย่างก้าวกระโดดด้วยชิป Ampere-based และ DLSS, หน้าจอที่ใหญ่ขึ้น คมชัดขึ้น และมีอัตรารีเฟรชที่สูงขึ้น, RAM ที่เพิ่มขึ้นมหาศาล, พื้นที่เก็บข้อมูลที่เพียงพอต่อการใช้งานมากขึ้น และการรองรับการเชื่อมต่อที่ทันสมัย สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ Nintendo Switch 2 เป็นเครื่องเล่นเกมแบบไฮบริดที่ทรงพลังและมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่สมจริงและลื่นไหลยิ่งกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจนครับ
ราคาเปิดตัวของ Nintendo Switch 2 ในประเทศไทยคือ 17,800 บาทสำหรับเครื่องเปล่า และ 19,800 บาทสำหรับชุดบันเดิลพร้อมเกม Mario Kart World
Photo Credit : Nintendo.com