ธุรกิจ Car Sharing และ Car Subscription ในไทยในปัจจุบัน

ในปัจจุบันในปี 2025 ธุรกิจ Car Sharing และ Car Subscription ในประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย ทั้งจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป นโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงสภาพเศรษฐกิจที่ทำให้การเป็นเจ้าของรถยนต์ไม่ใช่ทางเลือกที่คุ้มค่าเสมอไป ทำให้โมเดลธุรกิจเหล่านี้กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับทั้งผู้บริโภครายบุคคลและภาคธุรกิจ โดยรวมแล้ว ตลาดรถยนต์ให้เช่าทั้งหมด รวมถึง Car Sharing และ Car Subscription มีมูลค่าถึง 49,089 ล้านบาท โดยมีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากสถานการณ์โควิด-19 และส่วนใหญ่ของรายได้ยังคงกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ
Car Sharing (คาร์แชริ่ง)
Car Sharing (คาร์แชริ่ง) หรือบริการเช่ารถยนต์ระยะสั้นแบบรายชั่วโมงหรือรายวัน ยังคงเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยว ผู้ให้บริการอย่าง HAUPCAR ยังคงเป็นผู้นำตลาดที่แข็งแกร่ง ด้วยจุดให้บริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศและมีรถยนต์หลากหลายประเภทให้เลือก รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง การนำรถ EV เข้ามาในระบบ Car Sharing เป็นเทรนด์ที่ชัดเจนในปีนี้ เนื่องจากนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐและผู้บริโภคเริ่มให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของ Car Sharing ยังคงอยู่ที่การบริหารจัดการความพร้อมของรถในช่วงเวลาเร่งด่วน หรือช่วงวันหยุดยาว รวมถึงการขยายจุดบริการให้ครอบคลุมและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเดินทาง
Car Subscription (คาร์ซับสคริปชัน)
ส่วน Car Subscription (คาร์ซับสคริปชัน) หรือบริการเช่าใช้รถยนต์รายเดือนแบบรวมค่าใช้จ่าย กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2568 ผู้เล่นหลักในตลาดอย่าง Eazy Car และผู้เล่นใหม่ที่เข้ามาอย่าง Carasti กำลังขับเคลื่อนตลาดนี้ นโยบายสินเชื่อรถยนต์ที่เข้มงวดขึ้นจากปัญหาหนี้เสีย (NPL) รวมถึงอุปสรรคด้านกำลังซื้อที่ทำให้ผู้บริโภคหลายรายไม่สามารถขอสินเชื่อผ่านหรือต้องจ่ายเงินดาวน์สูง เป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ Car Subscription เติบโต เนื่องจากผู้บริโภคสามารถออกรถใหม่ได้โดยไม่ต้องวางเงินดาวน์ และบริหารค่าใช้จ่ายได้ง่ายด้วยการจ่ายรายเดือนในอัตราคงที่ ซึ่งรวมค่าประกันภัย ค่าบำรุงรักษา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไว้เกือบทั้งหมด
แนวโน้มโดยรวมของทั้งสองธุรกิจในปี 2025 คือการปรับตัวและขยายบริการไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มากยิ่งขึ้น เพื่อตอบรับกับนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริม EV อย่างจริงจัง และความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีการร่วมมือกันระหว่างผู้ให้บริการ แพลตฟอร์ม และค่ายรถยนต์ต่างๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของรถยนต์ที่นำมาให้บริการ และเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า การแข่งขันในตลาดรถยนต์ให้เช่าและบริการ Mobility-as-a-Service (MaaS) กำลังสูงขึ้น โดยมีผู้ประกอบการที่เป็นค่ายรถยนต์เองก็เริ่มหันมาต่อยอดธุรกิจรถเช่าระยะยาว และเกิดแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่เปิดโอกาสให้รายย่อยนำรถยนต์ของตนเองมาปล่อยเช่าได้
ความท้าทายที่ต้องเผชิญ
ทั้ง Car Sharing และ Car Subscription ยังคงมีอุปสรรคที่ต้องเผชิญ เช่น การเปลี่ยนแปลงความคิดของผู้บริโภคชาวไทยจาก "การเป็นเจ้าของ" ไปสู่ "การเช่าใช้" ที่ยังต้องใช้เวลา การขยายโครงสร้างพื้นฐานจุดจอดและจุดชาร์จให้เพียงพอ โดยเฉพาะในพื้นที่นอกเขตกรุงเทพฯ และการสร้างความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิทธิและภาระความรับผิดชอบของผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ธุรกิจ Car Sharing และ Car Subscription ในไทยมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจะกลายเป็นส่วนสำคัญของระบบการเดินทางในอนาคตที่ตอบโจทย์ความยืดหยุ่นและความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภคยุคใหม่ในอนาคต
Photo Credit : AI Generated