FTEครึ่งแรกโตตามเป้า ลุยชิงงานใหม่เติมพอร์ต

FTE มั่นใจครึ่งปีแรก 2566 ผลงานโตตามเป้า หนุนรายได้ทั้งปีโต 10% แตะ 1,200 ล้านบาท จากงานในมือที่มีอยู่กว่า 450 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าชิงงานใหม่ มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท คาดได้งาน 200-300 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 3-4/2566 นี้

นายทักษิณ ตันติไพจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ FTE ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่าย บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงครบวงจร เปิดเผยว่า สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 บริษัทมองว่ายังปรับตัวดีขึ้นได้ต่อเนื่อง จากงานในมือ (Backlog) ที่ราว 450 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างของทางภาครัฐ เเละภาคเอกชนที่เป็นการลงทุนในระยะยาว บริษัทยังสามารถรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนในการพยายามรักษาระดับงานในมือ (Backlog) ให้อยู่ในระดับที่ 450 -500 ล้านบาท

“มองว่าผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 2/2566 เป็นการกลับมาสู้ภาวการณ์เติบโตแบบปกติ (Organic Growth)หากเทียบจากช่วงไตรมาสที่ 1/2566 ที่มีการเติบโตสูงเนื่องจากบริษัทรับรู้รายได้การเก็บหนี้เข้ามา โดยคาดว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายทักษิณ กล่าว

ขณะที่ปี 2566 บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10% ราว 1,200 ล้านบาท และคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะเติบโตราว 7% โดยในไตรมาสที่ 1/2566 บริษัทมีรายได้ 284.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 236.23 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 32.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 6.74 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นมาจาก งานในมือ (Backlog) คงค้าง ในปีที่ผ่านมาและในไตรมาส 1/2566 มีการส่งสินค้าเข้าเพิ่มมากขึ้น และรับรู้รายได้จากงานโครงการเพิ่มขึ้น

*รอรัฐบาลใหม่หนุน

สำหรับปริมาณงานที่บริษัทได้ยื่นเสนอราคาเข้าประมูลในช่วงนี้ยังมีต่อเนื่อง ทั้งงานภาครัฐเเละงานภาคเอกชน เเม้ว่าจะเป็นช่วงที่รอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งปัจจุบันความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจากผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ เเละโครงการขนาดใหญ่ๆ เริ่มกลับมาดำเนินโครงการอย่างเต็มรูปแบบหลังจากที่ผ่านสถานการณ์โควิด-19 เเละตอนนี้ภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนเติบโตมากขึ้น

โดยบริษัทได้ยื่นเสนอราคางานไปทั้งหมดราว 600 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับงานใหม่เข้ามาราว 200-300 ล้านบาท ในช่วงที่ 3-4 ปี 2566

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนจะเพิ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องกับอุปกรณ์และระบบป้องกันอัคคีภัยใหม่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์มาตรฐานสูงที่ใช้รองรับกับการติดตั้งในโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มเติม ซึ่งในส่วนนี้เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทำให้คาดว่าจากสัดส่วนลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นทำให้ความสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นปี 2566จะอยู่ที่ไม่น้อยกว่า 26-27%

*เล็งแตกไลน์ธุรกิจ

พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงมีความสนใจและอยู่ระหว่างการศึกษาทั้งการต่อยอดธุรกิจหลัก และการแตกไลน์ไปยังธุรกิจใหม่ ในปัจจุบันได้เริ่มทดลองและทำตลาดไปบ้างแล้ว เพียงแต่อาจต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาอีกประมาณหนึ่งจะได้ข้อสรุปของการลงทุนที่ชัดเจน