รีเซต

หุ้นเทคจ่อแจ้งงบฯ-จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ “ทรัมป์” ผ่อนคลายภาษีรถยนต์

หุ้นเทคจ่อแจ้งงบฯ-จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ “ทรัมป์” ผ่อนคลายภาษีรถยนต์
ทันหุ้น
30 เมษายน 2568 ( 16:37 )
10

 

#หุ้นสหรัฐ #ทันหุ้น - ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวลดลงเล็กน้อยในเช้าวันพุธ ท่ามกลางสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยการประกาศผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ และข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ นักลงทุนจับตาผลประกอบการของ Microsoft (NASDAQ: MSFT) และ Meta Platforms (NASDAQ: META) รวมถึงตัวชี้วัดการเติบโตและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ

.

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งผ่อนคลายผลกระทบจากภาษีรถยนต์ที่ประกาศเก็บในอัตราสูงและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวเผยว่ามีข้อตกลงการค้ากับประเทศหนึ่ง (ซึ่งไม่ได้ระบุชื่อ) แล้ว

.

1. ฟิวเจอร์สปรับลดลง

ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ลดลงเล็กน้อยในวันพุธ ท่ามกลางสัปดาห์ที่ตลาดเฝ้ารอผลประกอบการบริษัทใหญ่ และข้อมูลเศรษฐกิจ พร้อมติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดของนโยบายการค้ารัฐบาลทรัมป์

เวลา 03:48 ET (07:48GMT) ฟิวเจอร์สดัชนีดาวโจนส์ทรงตัว, ฟิวเจอร์ส S&P 500 ลดลง 12 จุด หรือ 0.2% และฟิวเจอร์ส Nasdaq 100 ลดลง 65 จุด หรือ 0.3%

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดบวกเมื่อคืนวันอังคาร หลังมีสัญญาณความคืบหน้าในการเจรจาการค้าของทำเนียบขาว อย่างไรก็ตาม ความกังวลยังคงอยู่ ว่าภาษีศุลกากรอาจฉุดเศรษฐกิจสหรัฐฯ และก่อให้เกิดภาวะถดถอยในเศรษฐกิจโลก

ในสัปดาห์นี้ยังมีหลายบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่เตรียมประกาศผลประกอบการ พร้อมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายชุด เช่น ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และตัวเลขการจ้างงานล่าสุด

.

2. ทรัมป์ผ่อนปรนภาษีรถยนต์

เมื่อวันอังคาร ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งหลายฉบับ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาษีรถยนต์ ผ่านการให้เครดิตและยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับบางวัตถุดิบ

มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่ทรัมป์เดินทางเยือนรัฐมิชิแกน ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐฯ โดยมีแผนเก็บภาษีรถยนต์ในอัตรา 25% ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้เร็ว ๆ นี้

หนึ่งในข้อผ่อนปรนคือ การให้เวลาผู้ผลิตรถยนต์ 2 ปี เพื่อย้ายฐานการผลิตกลับมาที่สหรัฐฯ ให้มากขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายของนโยบายภาษีเชิงรุกของเขา บริษัทรถยนต์ซึ่งพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานข้ามพรมแดน ได้กดดันให้ทำเนียบขาวปรับเปลี่ยนนโยบายดังกล่าว

ทรัมป์กล่าวว่า รัฐบาล "ต้องการช่วยเหลือ" บริษัทเหล่านี้ และไม่ต้องการลงโทษพวกเขา "หากหาอะไหล่ไม่ได้" ขณะที่สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ต่างชาติระบุว่า มาตรการนี้ช่วยผ่อนคลายแรงกดดัน แต่ยังไม่เพียงพอ ต้องมีมาตรการเสริมเพิ่มเติม

ในอีกด้านหนึ่ง รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ ฮาเวิร์ด ลัตนิก ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่ามีการบรรลุข้อตกลงการค้ากับประเทศหนึ่งแล้ว แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อประเทศนั้น ทรัมป์เคยระงับการเก็บภาษีหลายประเทศเป็นเวลา 90 วัน และวางแผนทำข้อตกลงการค้ารายประเทศในอนาคต

.

3. ผลประกอบการที่กำลังจะประกาศ

หลังตลาดปิดในวันพุธ จะมีการประกาศผลประกอบการของ Microsoft และ Meta Platforms

สองบริษัทนี้อยู่ในกลุ่ม "Magnificent Seven" หรือบริษัทยักษ์ใหญ่กลุ่มเทคโนโลยีที่มีกำหนดประกาศผลประกอบการในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ Apple (NASDAQ: AAPL) และ Amazon (NASDAQ: AMZN) จะรายงานผลหลังตลาดปิดวันพฤหัสบดี

แม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะเป็นหัวหอกขับเคลื่อนตลาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ในปีนี้ส่วนใหญ่มีผลตอบแทนต่ำกว่าตลาด

นักวิเคราะห์คาดว่าผู้บริหารจะถูกถามเรื่องการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) หลังจากสตาร์ทอัพจีน DeepSeek เปิดตัวโมเดล AI ราคาต่ำเมื่อต้นปีนี้ นอกจากนี้ อาจมีการหารือถึงผลกระทบจากนโยบายภาษีของทรัมป์ ที่ทำให้หลายบริษัทมีปัญหาในการวางแผนงบลงทุน

วันพุธนี้ยังมีผลประกอบการจาก Qualcomm (NASDAQ: QCOM) และ Caterpillar (NYSE: CAT) ด้วย

.

4. จับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายชุดในวันพุธนี้

การประมาณการณ์เบื้องต้น GDP ไตรมาส 1 ของสหรัฐฯ คาดว่าจะชะลอลงเหลือ 0.2% จาก 2.4% ในไตรมาส 4 ปี 2024

นักวิเคราะห์จาก ING ระบุว่า "รายละเอียดของรายงาน โดยเฉพาะการใช้จ่ายผู้บริโภค จะมีความสำคัญต่อการตอบสนองของตลาด"

นอกจากนี้ ยังจะมีการประกาศดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นตัววัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ โดยเฟดส่งสัญญาณว่าจะดำเนินนโยบายแบบรอดูสถานการณ์ต่อไป เพื่อประเมินผลกระทบจากภาษีของทรัมป์

พร้อมกันนี้ จะมีรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP คาดว่าการจ้างงานเดือนเมษายนจะเพิ่มขึ้น 114,000 ตำแหน่ง ลดลงจาก 155,000 ตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า

ข้อมูลทั้งหมดนี้จะช่วยส่งสัญญาณเบื้องต้นว่า นโยบายภาษีของทรัมป์เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเตือนล่วงหน้า

.

5. ราคาน้ำมันลดลง

ราคาน้ำมันลดลงในวันพุธ และกำลังมุ่งหน้าสู่การปรับตัวลดลงรายเดือนมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปี ท่ามกลางภาวะสงครามการค้าที่กดดันการคาดการณ์ความต้องการพลังงาน

เวลา 03:44 ET ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ลดลง 1.5% อยู่ที่ 62.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐฯ ลดลง 1.7% อยู่ที่ 59.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทั้งสองสัญญาสูญเสียมูลค่ากว่า 15% แล้วในเดือนนี้ นับเป็นการลดลงรายเดือนมากที่สุดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2021

ความกังวลเรื่องความต้องการน้ำมันในภาวะสงครามการค้า กดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะที่ข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนที่อ่อนแอ ซึ่งเผยแพร่เมื่อต้นวันพุธ ยิ่งตอกย้ำความกังวลนี้

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง