รีเซต

"ปวดหัว นอนไม่หลับ ใจสั่น" สัญญาณเตือน! ความเครียดในชีวิตออฟฟิศ ศัตรูเงียบที่ซ่อนอยู่ในทุกวัน

"ปวดหัว นอนไม่หลับ ใจสั่น" สัญญาณเตือน! ความเครียดในชีวิตออฟฟิศ ศัตรูเงียบที่ซ่อนอยู่ในทุกวัน
TNN ช่อง16
28 พฤษภาคม 2568 ( 00:10 )
12

สังคมการทำงานยุคปัจจุบัน ความเครียดกลายเป็นเรื่องที่แทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานออฟฟิศที่ต้องเผชิญกับงานที่มีความกดดันสูง การแข่งขันในที่ทำงาน รวมถึงความคาดหวังจากหัวหน้างานและตัวเอง แม้ว่าความเครียดในระดับที่เหมาะสมจะช่วยกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจ แต่หากสะสมมากเกินไปและไม่ได้รับการจัดการที่ถูกต้อง ก็อาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพกายและใจในระยะยาว


ความเครียดกระทบสุขภาพอย่างไร? เมื่อร่างกายรู้สึกเครียด จะหลั่งฮอร์โมนความเครียด เช่น คอร์ติซอล (Cortisol) และอะดรีนาลีน (Adrenaline) ซึ่งส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น เพิ่มความดันโลหิต เร่งอัตราการเต้นของหัวใจ และลดการทำงานของระบบย่อยอาหาร หากภาวะนี้เกิดขึ้นต่อเนื่อง ร่างกายจะอยู่ในสภาวะ "พร้อมสู้หรือหนี" (fight or flight) ตลอดเวลา ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวันเลยแม้แต่น้อย


ผลที่ตามมาของความเครียดเรื้อรัง ได้แก่ อาการปวดหัวเรื้อรัง อาการปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณบ่า คอ และหลัง ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ นอนไม่หลับ หรือหลับแต่ไม่สนิท และอาจนำไปสู่ภาวะวิตกกังวล หรือซึมเศร้าในระยะยาวได้ นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อได้ง่าย และหายจากโรคช้าลง


สัญญาณเตือนจากร่างกายและจิตใจ ความเครียดไม่ได้แสดงออกมาเพียงอารมณ์หงุดหงิดหรือวิตกกังวลเท่านั้น แต่ยังปรากฏผ่านร่างกาย เช่น อ่อนเพลียตลอดเวลา ใจสั่น มือเย็นหรือเหงื่อออกมากโดยไม่มีสาเหตุ การทำงานของระบบทางเดินอาหารแปรปรวน หรือแม้แต่เบื่ออาหารหรือกินมากผิดปกติ ทางด้านจิตใจ ผู้ที่มีความเครียดอาจรู้สึกไร้ค่า ไม่มีแรงจูงใจ ไม่อยากเข้าสังคม หรือรู้สึกไม่พึงพอใจกับตัวเอง เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกว่าเริ่มหลุดจากการควบคุม หรืออารมณ์ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตประจำวัน นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนให้คุณต้องเริ่มจัดการความเครียดอย่างจริงจัง

วิธีจัดการความเครียดในชีวิตออฟฟิศ การดูแลตนเองเพื่อจัดการความเครียดสามารถเริ่มได้จากการปรับมุมมองในการทำงาน หัดแบ่งเวลาให้สมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว รู้จักลำดับความสำคัญของงาน และอย่าลืมให้เวลาพักผ่อนแก่ตัวเองอย่างเหมาะสม การใช้เทคนิคการหายใจลึก ๆ การทำสมาธิ หรือโยคะ สามารถช่วยให้จิตใจสงบลงได้


การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานก็เป็นอีกหนึ่งวิธีช่วยลดความเครียด เพราะการพูดคุยหรือระบายความรู้สึกสามารถลดความตึงเครียดภายในจิตใจได้ดี และหากรู้สึกว่าความเครียดเกินกว่าที่จะรับมือได้ อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ ซึ่งสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมและปลอดภัย หรือหากต้องการรับคำปรึกษา ติดต่อศูนย์ส่งเสริมสุขภาพจิต โรงพยาบาลนวเวช  สายด่วนโทร. 1507

สุขภาพจิตดี คือพลังในการทำงาน สุขภาพจิตเป็นรากฐานที่สำคัญของสุขภาพโดยรวม การทำงานได้ดีเริ่มต้นจากการมีจิตใจที่พร้อมรับมือกับความท้าทายในแต่ละวัน การใส่ใจความเครียดของตนเองและคนรอบข้างจึงเป็นสิ่งที่องค์กรและพนักงานทุกคนควรให้ความสำคัญ


ความเครียดไม่ใช่เรื่องเล็กและไม่ควรถูกมองข้าม โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมของการทำงานที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและการแข่งขัน การรู้เท่าทันอาการและหาวิธีดูแลตนเองอย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับความเครียดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีสุขภาพกาย-ใจที่แข็งแรง พร้อมลุยทุกเป้าหมายในชีวิตการทำงาน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง