DEVIALET เปิดตัวหูฟังเอียร์บัดไร้สายเจเนอเรชั่นสอง

DEVIALET เปิดตัวหูฟังเอียร์บัดไร้สายเจเนอเรชั่นสอง DEVIALET GEMINI II  เพื่อเสียงอันบริสุทธิ์ใส ในทุกที่ทุกเวลา

เปิดตัวหูฟัง DEVIALET GEMINI II 

ด้วยขนาดที่เล็กกว่าของหูฟังรุ่น Devialet Gemini II พร้อมการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ และเสริมประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อ ตามมาด้วยการตัดเสียงรบกวนที่ปรับได้ โดยใช้เวลากว่า 15 ปีในการวิจัยและด้านวิศวกรรม จนมาเป็นหูฟังที่มีความเป็นเลิศด้านเสียงสูงสุด ด้วยมิติหลากหลายทั้งหมดนี้ ถึงแม้จะเป็นเจเนอเรชั่นสอง แต่ไม่เป็นสองรองใคร

Devialet เผยถึงการเปิดตัวของสินค้าชิ้นใหม่ล่าสุดอย่าง Devialet Gemini II หูฟังเอียร์บัดไร้สายเจเนอเรชั่นสอง ที่นำเสนอเสียงได้อย่างทันสมัย พร้อมวางจำหน่ายแล้ววันนี้

ด้วยคุณสมบัติที่มีการปรับและพัฒนาเพิ่มเติมผนวกกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของแบรนด์ ที่รวมไปถึงระบบตัดเสียงรบกวน Devialet Adaptive Noise Cancellation™ และระบบตัดเสียงลม AWR (Active Wind Reduction) ทำให้หูฟังเอียร์บัดไร้สาย Devialet Gemini II โดดเด่นด้วยคุณภาพเสียงที่เหนือใครอย่างไร้ที่ติ พร้อมการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์และเข้ากับผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว ยกระดับประสิทธิภาพเสียงสู่ระดับไฮเอนด์

Franck Lebouchard ซีอีโอของ Devialet กล่าวว่า “เรารวบรวมเวลากว่า 15 ปีในความเชี่ยวชาญในการวิจัยด้านเสียงและพัฒนากลายมาเป็นหูฟังรุ่น  Devialet Gemini II ที่ไม่เพียงแค่สร้างประสบการณ์ด้านฟังเสียงที่ยิ่งใหญ่เกินหูฟังที่มีขนาดเล็กที่สุดเท่านั้น แต่ยังขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ของเราในการก้าวข้ามขีดกำจัดการออกแบบด้านเสียงอย่างไม่หยุดยั้ง โดยหูฟัง Devialet Gemini II รุ่นใหม่นี้ยังได้นำเสนอประสบการณ์การฟังระดับลักซ์ชัวรี่ที่มีความเป็นสากล จากการพัฒนาตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ฟังพบกับประสบการณ์จากกรรมสิทธ์ทางเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมชั้นนำ ราวกับไม่ได้สวมหูฟังอยู่ และไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้ฟังเสียงอันยอดเยี่ยมที่สุด ที่จะไปกับคุณในทุกที่ได้เท่านี้อีกแล้ว” 

TAKING DEVIALET’S SOPHISTICATED SOUND TO THE NEXT LEVEL 

การผนวกรวมของสองเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดนี้ ได้รับการพัฒนาและการสนับสนุนส่งเสริมด้านนวัตกรรมโดยแบรนด์ ที่ช่วยให้หูฟังรุ่น Devialet Gemini II พาคุณไปสู่การตระหนักถึงประสบการณ์ด้านเสียงที่พิเศษเหนือใครไม่ว่าอยู่ที่ไหน 

โดยหูฟังรุ่นที่สองนี้ได้รับการพัฒนามาโดยเฉพาะ ให้มีระบบ Devialet Adaptive Noise Cancellation™ ซึ่งเป็นระบบตัดเสียงรบกวนที่ปรับระดับได้ตามสภาวะภายนอก และนอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งได้ตามสรีระหรือรูปทรงของใบหู เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถเพลิดเพลินกับเสียงที่ได้ยินอย่างสมบูรณ์ ระบบตัดเสียงรบกวนสามารถทำงานได้อย่างดีเลิศ แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมแตกต่างกัน  

อีกทั้ง ยังตัดเสียงเพี้ยนและเสียงรบกวนออก เพื่อเพิ่มประสบการณ์การได้ยินที่ไร้ข้อกังขาใด ๆ ทั้งในด้านศักยภาพและการพัฒนาเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ซึ่งนำพาผู้ฟังออกจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวันสู่พื้นที่ที่เต็มไปด้วยเสียงอันใสบริสุทธิ์

โดยระบบ Devialet Adaptive Noise Cancellation™ ยังถูกเสริมด้วยโครงสร้างไมโครโฟนสองคู่แบบไฮบริดและ
ตัวกรองดิจิตัลที่ใช้กรรมสิทธิ์ทางเทคโนโลยีอย่าง IDC️ (Internal Delay Compensation หรือ เทคโนโลยีการชดเชยการตัดเสียงรบกวน)  

ซึ่ง IDC เป็นเทคโนโลยีอัจริยะที่ถูกออกแบบมาเพื่อชดเชยการตัดเสียงรบกวนให้เงียบสนิทมากยิ่งขึ้น มีประสิทธิภาพในการกรองความถี่ได้ละเอียดกว่าการตัดเสียงทั่วไป โดยเฉพาะในย่านความถี่สูง จึงได้เป็นที่สุดของหูฟังเอียร์บัด ที่มีระบบตัดเสียงรบกวนเป็นเลิศ

เทคโนโลยีใหม่ในหูฟังรุ่น Devialet Gemini II อย่างระบบ AWR (Active Wind Reduction หรือ ระบบตัดเสียงลม) ช่วยจำกัดผลกระทบจากลมในขณะรับฟัง  ซึ่งเทคโนโลยีนี้ถูกบรรจุในไมโครโฟนแต่ละตัว ใช้วัสดุที่ป้องกันลมและยังเป็นเกราะป้องกันเมมเบรนของไมโครโฟนจากลมที่พัดมากระทบบริเวณหูฟัง เมื่อดูในด้านการใช้งานซอฟต์แวร์ มีอัลกอริธึมการตรวจจับลมของ Devialet สามารถควบคุมการตัดเสียงรบกวนได้และ ปรับความหนักแน่นของระดับเสียงรบกวนตามสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างชาญฉลาด

นอกเหนือจากนั้น เมื่อระบบ AWR ผนวกกับโครงสร้างการโทรด้วยเสียงแบบใหม่ เพื่อบทสนทนาที่ชัดเจนขึ้น ด้วยเซ็นเซอร์ bone conduction แบบใหม่ พร้อมไมโครโฟนช่วยเพิ่มสัญญาณ Beamforming และเทคโนโลยีป้องกันลม ทำให้ทุกสายสนทนามีความชัดเจนและลื่นไหลยิ่งขึ้น

นอกจากเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เหล่านี้แล้ว หูฟังรุ่น Devialet Gemini II ยังมาพร้อมกับไดรเวอร์เคลือบไทเทเนียมขนาด 10 มิลลิเมตรในรูปแบบใหม่ และตัวแปลงสัญญาณ Qualcomm aptX™ ที่ส่งมอบประสบการณ์เสียง ช่วยให้คุณภาพของเสียงดีขึ้น เสียงใสและสะอาด มีรายละเอียดเสียงที่ดีกว่าเดิม หลุดจากความวุ่นวายได้อย่างสิ้นเชิง

ELEGANT ERGONOMY, DELICATE DESIGN

ความท้าทายด้านนวัตกรรมของ Devialet ที่ยังคงดำเนินต่อไป ได้สร้างแนวทางใหม่ในการออกแบบและฝังเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธ์อันล้ำสมัยไว้ในผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดเล็กลงอย่างต่อเนื่อง Devialet Gemini II เป็นการบรรลุความท้าทายของทีมผู้เชี่ยวชาญของ Devialet ซึ่งได้พัฒนาผลงานวิจัยไปสู่ประสบการณ์ทางเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ที่รวมเทคโนโลยีต่าง ๆ ไว้ในหูฟังขนาดเล็ก มีขนาดพอดีกับสรีระของใบหู ในหลากหลายรูปทรง ซึ่งปัจจุบัน Devialet ได้ส่งมอบโอกาสให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสบการณ์ด้านเสียงที่เหนือใครผ่านการใช้งานหูฟังรุ่น Devialet Gemini II นี้

ด้วยความเชี่ยวชาญของ Devialet ในนวัตกรรมด้านเสียง พร้อมรูปทรงที่มีความเป็นสากลของหูฟังรุ่น Devialet Gemini II ที่มอบความเสถียรไม่ว่าคุณจะเคลื่อนไหวมากแค่ไหน ด้วยจุกยางที่มีให้ 4 ขนาด ทำให้หูฟังรุ่น Devialet Gemini II นี้แนบสนิทพอดีกับหู จนลืมไปเลยว่าใส่หูฟังอยู่

Pierre-Emmanuel Calmel ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารในบอร์ดของ Devialet กล่าวว่า  “หูฟังรุ่น Devialet Gemini II คือก้าวสำคัญต่อเป้าหมายของเรา ที่จะนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงผ่านประสบการณ์ฟังที่ไม่เหมือนใคร ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมจาก Devialet ได้ทุ่มเทในการนำเสียงระดับลักซ์ชัวรี่ที่มาพร้อมดีไซน์ที่ทันสมัยและกะทัดรัด โดยหูฟังเอียร์บัดรุ่นนี้มาพร้อมกับความท้าทายในการย่อขนาด ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับหูฟังรุ่น Devialet Gemini II นับเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของความสามารถของเราในการลดขนาดเทคโนโลยีชั้นนำในอุตสาหกรรมให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เล็กที่สุดเท่าที่เราเคยมีมา นอกจากนั้น การผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านเสียงที่ล้ำสมัยและนวัตกรรมการออกแบบที่อย่างชาญฉลาด ทำให้เราสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้กับผลิตภัณฑ์ด้านเสียงแบบไร้สายอย่างแท้จริงอีกครั้ง เตรียมตัวให้พร้อมรับประสบการณ์การฟังชั้นเลิศ ที่ไม่อาจลืมเลือนจากหูฟังรุ่น Devialet Gemini II” 

หูฟังรุ่น Devialet Gemini II ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความลักซ์ชัวรี่ โดยมีความสมดุลของการออกแบบอย่างไร้ที่ติและเสียงที่ล้ำสมัย รวมไปถึงเคสชาร์จที่มีขนาดบาง สามารถใส่ลงในกระเป๋าได้พอดี และง่ายดายอีกด้วย ในการเปิดตัวหูฟังรุ่น Devialet Gemini II มาใน สีดำด้าน และ สีขาวไอคอนิก ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของ Devialet ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกสีให้เหมาะกับสไตล์ของตนเองได้

ไม่เพียงแค่นั้น Devialet Gemini II ยังมีคอลเล็กชั่นพิเศษในรุ่น Opéra de Paris วางจำหน่ายอีกด้วย ทั้งหมดนี้เป็นผลิตภัณฑ์ของ Devialet และในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 5 ปีในการร่วมมือของบริษัทและสถาบันระดับตำนานจากฝรั่งเศส ซึ่งสร้างขึ้นจากวิสัยทัศน์ที่มีร่วมกันในความเป็นเลิศและความสัมพันธ์ที่ยาวนานในด้านดนตรีและมรดกทางประวัติศาสตร์ที่โด่งดังของประเทศฝรั่งเศสไว้ได้อย่างลงตัว

ในทุก ๆ สินค้าของคอลเล็กชั่น Opéra de Paris ได้รับการเคลือบสีทองสวยสะดุดตา ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากการตกแต่งภายในสีทองของ Opéra Garnier แห่งกรุงปารีส โดยลูกค้าสามารถสัมผัสประสบการณ์ความสวยงามอลังการของ Opéra ได้อย่างสะดวกสบายภายในบ้านของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลงด้วยลำโพงรุ่น Devialet Phantom และรับชมภาพยนตร์เรื่องล่าสุดด้วยลำโพงซาวด์บาร์ All-in-One รุ่น Dione ตลอดไปจนถึงลำโพงขนาดพกพาอย่าง Devialet Mania ซึ่งเป็นลำโพงอัจฉริยะพกพาตัวแรกของแบรนด์  Devialet Gemini II คอลเล็กชั่นท้ายนี้ ทำจากวัสดุพรีเมียมชุบทอง 24 กะรัต เพื่อให้ผู้ฟังได้สัมผัสถึงความหรูหรา อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ศิลปะและวัฒนธรรมของโอเปร่า ซึ่งมอบความสมบูรณ์แบบทั้งในด้านเสียงและดนตรีไว้อย่างสมบูรณ์

IMPERMEABLE SOUND NOW EASIER TO CARRY, EASIER TO USE

เพลิดเพลินกับเสียงเพลงที่ดีที่สุด ง่ายขึ้นด้วยการเชื่อมต่อและการใช้งานที่ได้รับการพัฒนาจากหูฟัง Devialet Gemini เจเนอเรชั่นแรก ซึ่งขณะนี้มาพร้อมกับ Bluetooth 5.2 ที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์พร้อมกัน สูงสุดได้ถึงสองเครื่อง เพิ่มความสะดวกในการใช้งานยิ่งขึ้น

หูฟังรุ่น Devialet Gemini II ยังมี IPX4 ที่สามารถกันน้ำในระดับละออง จึงสามารถโดนเหงื่อและน้ำกระเด็นได้เล็กน้อย และเพิ่มสัมผัสใหม่ในการปรับแต่งระบบควบคุมแบบใหม่ที่มีในแอปฯ และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานแบตเตอรี่ที่โดดเด่น โดยสามารถใช้งานได้นานต่อเนื่องถึง 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และเคสที่สามารถชาร์จเพิ่มได้มากถึง 22 ชม. หรือชาร์จเพิ่มได้ประมาณ 4 ครั้ง

Devialet Gemini II หูฟังเอียร์บัดเจเนอเรชันใหม่นี้ มาพร้อมกับเสียงที่เหนือระดับ ถือเป็นการพัฒนาอันน่าภาคภูมิใจของหูฟังที่ได้เสริมเทคโนโลยีที่จะพาคุณดำดิ่งไปสู่ความบริสุทธิ์และการดื่มด่ำในการรับฟังได้อย่างแท้จริง

ราคา Devialet Gemini II หูฟังเอียร์บัดเจเนอเรชันใหม่

โดย Devialet Gemini II มีวางจำหน่ายแล้วบนเว็บไซต์และร้าน Devialet by Deco 2000  รวมถึงตัวแทนจัดจำหน่ายทั่วประเทศ

• ราคาจัดจำหน่ายอยู่ที่ 16,590 บาท สำหรับสีดำ และสีขาว
• ราคา 24,590 บาท สำหรับรุ่น Opéra de Paris