รีเซต

ทรัมป์ ‘บุรุษสันติภาพ’ แทรกแซงหรือหวังดี หยุดสู้รบ ‘ไทย-กัมพูชา’

ทรัมป์ ‘บุรุษสันติภาพ’ แทรกแซงหรือหวังดี หยุดสู้รบ ‘ไทย-กัมพูชา’
TNN ช่อง16
30 ธันวาคม 2568 ( 13:08 )
14

เมื่อพูดถึงที่สุดแห่งปี 2025 จะไม่พูดถึงเรื่องความขัดแย้งไทย-กัมพูชา คงเป็นไปไม่ได้ เสียงปืนดังสนั่น เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม คร่าชีวิตทั้งทหาร และพลเรือน หลายสิบราย 


ท่ามกลางโลกที่ความขัดแย้งในหลายภูมิภาคพุ่งขึ้นสู่จุดเดือด วิกฤตชายแดนไทย–กัมพูชา ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาระดับภูมิภาค เพราะ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เข้ามามีบทบาทเป็นตัวกลางการเจรจา หวังให้คู่ขัดแย้งกลับสู่โต๊ะพูดคุย 


แต่บทบาทของเขา คือความจริงใจอย่างแท้จริง หรือเป็นส่วนหนึ่งของเกมการเมืองระดับโลกกันแน่


ข้อตกลงหยุดยิง ที่ไม่หยุดยิง


แม้ ไทย-กัมพูชา จะลงนามข้อตกลง หยุดยิง ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่กลับไม่ใช่จุดสิ้นสุดของความขัดแย้ง เพราะ 2 ประเทศ ปะทะกันอีกครั้งในต้นเดือนธันวาคม 


ข้อตกลงหยุดยิงช่วยลดระดับความรุนแรงลงได้ในระยะสั้น แต่ลึกลงไป ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่ฝังรากลึกยาวนานระหว่างไทยและกัมพูชาได้ นั่นคือข้อพิพาทด้านพรมแดน


แล้วยังมีประเด็นความไม่มั่นคงทางการเมืองภายในของทั้ง 2 ประเทศ สุมกระแสชาตินิยมให้ยิ่งโหมรุนแรง 

“ทรัมป์” ผู้นำแห่งสันติภาพ ?


บทบาทของมหาอำนาจภายนอกอย่างสหรัฐฯ ถูกจับตามองมากขึ้น โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของทรัมป์ ที่อ้างความสำเร็จหยุดสงคราม ทั้งที่ความเป็นจริง ไทย-กัมพูชา ยังรบกันไม่หยุด


บทวิเคราะห์ของ The Diplomat ระบุ เหตุผลที่ “ทรัมป์” ต้องการเข้ามามีบทบาทเป็นตัวกลางเพื่อไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างไทย และกัมพูชา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า เขาต้องสร้างภาพลักษณ์เป็น “ผู้นำผู้สร้างสันติภาพ” 


สะท้อนว่า การมีบทบาทของทรัมป์อาจมุ่งเน้นไปที่ ผลลัพธ์เชิงสัญลักษณ์และภาพลักษณ์ทางการเมือง มากกว่าการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนในระยะยาว 


โดยเฉพาะเมื่อการอ้างบทบาทในการ “หยุดสงคราม” สามารถช่วยเพิ่มเครดิตทางการเมืองของเขา และสอดรับกับความพยายามในการนำเสนอตนเองในฐานะผู้นำที่คู่ควรกับ รางวัลโนเบลสันติภาพ


นอกจากนี้ ทรัมป์มองนโยบายต่างประเทศเป็นหลักผ่านกรอบความคิดเชิง “การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์” ให้ความสำคัญกับการใช้พลังต่อรองทางเศรษฐกิจ มากกว่ายุทธศาสตร์ระยะยาว


ทำไมสหรัฐฯ ไม่เห็นใจไทยเท่ากัมพูชา


แม้สหรัฐฯ พยายามวางตัวเป็นกลาง แต่การสื่อสารของทรัมป์ ดูเอนเอียงไปทางกัมพูชามากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการบอกว่า ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดเป็นเพียงอุบัติเหตุ หรือการกล่าวในทำนองว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มต้นความขัดแย้ง


เพราะอะไร “ทรัมป์” ดูเหมือนจะไม่เห็นใจไทยมากนัก ทั้งที่ไทยเป็นพันธมิตรเก่าแก่กับสหรัฐฯ มาอย่างยาวนานกว่า 200 ปี 


บทวิเคราะห์จาก สถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิสฮัค ชี้ว่า ปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่งมาจากมุมมองของสหรัฐฯ ที่เห็นว่าไทยดูใกล้ชิดกับจีนมากขึ้น 


ไม่ว่าจะการทะลักเข้ามาของสินค้าจีน การเป็นฐานผลิตและส่งออก ที่อาจเข้าข่ายสวมสิทธิ เพื่อประโยชน์ทางภาษี


ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ก็กำลังพยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับกัมพูชา จึงทำให้สหรัฐฯ ไม่แสดงจุดยืนชัดเจนว่า เข้าข้างไทย

ไทย-กัมพูชาจะหยุดความขัดแย้งอย่างยั่งยืนได้อย่างไร 


บทความจาก East Asia Forum ระบุว่า การสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนระหว่างไทยและกัมพูชา จำเป็นต้องอาศัยมากกว่าข้อตกลงเชิงสัญลักษณ์ โดยเฉพาะ 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่


  • การจัดการเหตุการณ์ตามแนวชายแดนอย่างรอบคอบ

  • การเก็บกู้และทำลายทุ่นระเบิดอย่างปลอดภัย

  • การส่งตัวผู้ถูกควบคุมตัวกลับประเทศอย่างมีมนุษยธรรม

  • การหลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำหรือการกระทำที่ยั่วยุและเพิ่มความตึงเครียด


บทวิเคราะห์ยังชี้ว่า สหรัฐฯ สามารถมีบทบาทสนับสนุนได้ หากเดินหน้าการทูตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เช่น การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การช่วยเหลือทางการแพทย์ และการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้า ซึ่งยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นในบริบทที่อิทธิพลของจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง


และถ้าหากต้องการให้สันติภาพดำรงอยู่ได้จริง กัมพูชา ไทย อาเซียน และหุ้นส่วนจากภายนอกภูมิภาค จำเป็นต้องมีบทบาทและมีส่วนร่วมต่อกระบวนการสันติภาพอย่างต่อเนื่อง


ที่สำคัญที่สุด ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องมีความกล้าหาญทางการเมืองในการเผชิญหน้าและแก้ไขรากเหง้าของปัญหาพรมแดนที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษ เมื่อถึงจุดนั้นเท่านั้น การหยุดยิงที่เปราะบางจึงจะสามารถพัฒนาไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืนได้


แหล่งข้อมูลอ้างอิง: 


https://thediplomat.com/2025/10/in-malaysia-trump-presides-over-peace-accord-between-cambodia-and-thailand/

https://eastasiaforum.org/2025/11/19/thailand-cambodia-border-agreement-on-shaky-ground/

https://www.iseas.edu.sg/wp-content/uploads/2025/10/ISEAS_Perspective_2025_87.pdf

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง