รีเซต

ลำดับ 10 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ วิเคราะห์เกมสองชั้นพรรคเศรษฐกิจ วางบทบาท “พลเอก รังษี” อย่างไร?

ลำดับ 10 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ วิเคราะห์เกมสองชั้นพรรคเศรษฐกิจ วางบทบาท “พลเอก รังษี” อย่างไร?
TNN ช่อง16
30 ธันวาคม 2568 ( 10:02 )
16

การจัดวางบัญชีรายชื่อของ พรรคเศรษฐกิจ ในการเลือกตั้งรอบนี้ ไม่ได้เป็นเพียงรายละเอียดทางเทคนิค หากแต่สะท้อนยุทธศาสตร์การเมืองที่ซับซ้อนกว่านั้น หลายฝ่ายอ่านเกมออกว่า พรรคกำลังเล่น “เกมสองชั้น” ใช้ชื่อและภาพลักษณ์ของ พลเอก รังษี กิติญาณทรัพย์ เป็นแม่เหล็กเรียกคะแนนจากฐานอนุรักษนิยม–ความมั่นคง ขณะเดียวกันกลับเปิดทางให้ คริส โปตระนันทน์ และแกนนำสายเดิมจากเครือข่ายเส้นด้าย มีโอกาสเข้าสภาอย่าง “การันตี”

สูตรนี้จึงถูกมองได้สองด้าน ด้านหนึ่งคือการแบ่งบทบาทกันทำงาน อีกด้านกลับถูกตั้งคำถามว่าเป็นการ “สับขาหลอก” ผู้เลือกตั้ง ผลที่ตามมาอาจไม่ใช่แค่เสียงวิจารณ์ในโลกออนไลน์ แต่คือความรู้สึกของฐานมวลชนบางกลุ่มที่เริ่มลังเลว่าพรรคกำลังสื่อสารตรงไปตรงมาหรือไม่

สิ่งที่พรรคกำลังพยายามทำ

ในเชิงยุทธศาสตร์ พรรคเลือกดันพลเอก รังษี ขึ้นเป็นหน้าเศรษฐกิจและความมั่นคงในระดับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ใช้พื้นที่สื่อ โทรทัศน์ และเวทีดีเบต สร้างภาพ “ผู้นำชาติ” เพื่อโกยคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ในภาพรวมประเทศ ขณะเดียวกัน การวางคริสไว้ในลำดับที่ 1 ของบัญชีรายชื่อ หมายความว่า หากพรรคได้เพียง 1 ที่นั่ง คนที่ได้เข้าสภาแน่นอนคือคริส ไม่ใช่หัวหน้าพรรคหรือแคนดิเดตนายกฯ

นี่คือจุดที่ทำให้เกิดคำถามสำคัญ เพราะตามตรรกะการเมืองทั่วไป ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นผู้นำรัฐบาล มักถูกวางตำแหน่งให้ “เข้าได้แน่” เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้เลือกตั้ง แต่กรณีนี้ พรรคกลับเลือกเส้นทางที่ตรงข้าม

เหตุใดจึงถูกมองว่า “แทงกั๊ก”

เสียงวิจารณ์จากหลายสำนักและในโซเชียลมีเดีย ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า พรรคกำลังใช้ภาพของพลเอก รังษี ดึงคะแนนจากฝั่งขวา–อนุรักษนิยม แต่จัดลำดับบัญชีรายชื่อให้กลุ่มเส้นด้ายและสายเสรีนิยมได้เปรียบในทางปฏิบัติ ภาพที่ถูกพูดถึงบ่อยคือ “ดันลุงรังษีออกหน้า แต่เปิดทางให้ทีมเดิมเข้าไปนั่งในสภา”

ความคลุมเครือนี้กระทบความรู้สึกของผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มที่ให้คุณค่ากับความชัดเจน ความตรงไปตรงมา และบทบาทของผู้นำด้านความมั่นคงอย่างจริงจัง

คำอธิบายจากฝั่งพรรค กับการสื่อสารที่ยังไม่จบ

ฝั่งพรรคและตัวพลเอก รังษี อธิบายตรงกันว่า การอยู่ลำดับที่ 10 เป็น “การตัดสินใจส่วนตัว” เพื่อทุ่มเวลาให้กับงานบริหารและ “โปรเจกต์ใหญ่ของชาติ” มากกว่าการนั่งทำหน้าที่นิติบัญญัติ พร้อมย้ำว่าเป็นการวัดใจกันไปเลยว่าประชาชนให้ความไว้วางใจพรรคมากเพียงใด

คำอธิบายนี้พยายามสร้างภาพของการเสียสละ ไม่ยึดติดเก้าอี้ ส.ส. และพร้อมทำงานในบทบาทบริหารหากได้รับโอกาส แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็ยิ่งตอกย้ำว่า บทบาทในสภาจะตกอยู่กับคริสและทีมเส้นด้ายอย่างเต็มตัว หากคะแนนไม่ถึงจุดที่พาแคนดิเดตนายกฯ เข้าสภาได้

ผลได้และความเสี่ยงที่ต้องชั่งน้ำหนัก

หากพรรคได้คะแนนถึงลำดับ 10 ขึ้นไป ภาพที่พรรคหวังคือการมีทั้งผู้นำสายทหาร–ความมั่นคง และนักการเมืองสายเศรษฐกิจ–เสรีนิยม ทำงานคู่กันในสภา ซึ่งจะกลายเป็นภาพผสมที่แตกต่างจากพรรคอื่นอย่างชัดเจน อีกทั้งกระแส “ทำไมรังษีอยู่อันดับ 10” ก็ทำหน้าที่เป็นไวรัล สร้างการรับรู้ชื่อพรรคและเบอร์เลือกตั้งได้โดยแทบไม่ต้องลงทุนซื้อสื่อเพิ่ม

แต่ในทางกลับกัน หากคะแนนไม่ถึง จุดเปราะจะปรากฏทันที เพราะภาพการเมืองจริงในสภาจะเอียงไปทางกลุ่มเส้นด้ายมากกว่าฐานความมั่นคงที่ถูกใช้เป็นหัวใจการหาเสียง คำถามเรื่องความตรงไปตรงมาอาจกัดกร่อนความเชื่อใจของฐานอนุรักษนิยม ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้ราคากับความชัดเจนมากกว่ากลยุทธ์ซับซ้อน

เกมสองชั้นของพรรคเศรษฐกิจจึงเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงในเวลาเดียวกัน หากสำเร็จ พรรคจะได้ภาพลักษณ์ใหม่ที่ผสานความมั่นคงกับเศรษฐกิจ แต่หากพลาด ความรู้สึก “ถูกหลอกใช้” ของผู้เลือกตั้งบางกลุ่ม อาจกลายเป็นต้นทุนทางการเมืองที่ต้องจ่ายแพงกว่าที่คิด ในสนามเลือกตั้งที่ความเชื่อใจมีค่าไม่แพ้คะแนนเสียง.

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง