ลำดับ 10 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ วิเคราะห์เกมสองชั้นพรรคเศรษฐกิจ วางบทบาท “พลเอก รังษี” อย่างไร?

การจัดวางบัญชีรายชื่อของ พรรคเศรษฐกิจ ในการเลือกตั้งรอบนี้ ไม่ได้เป็นเพียงรายละเอียดทางเทคนิค หากแต่สะท้อนยุทธศาสตร์การเมืองที่ซับซ้อนกว่านั้น หลายฝ่ายอ่านเกมออกว่า พรรคกำลังเล่น “เกมสองชั้น” ใช้ชื่อและภาพลักษณ์ของ พลเอก รังษี กิติญาณทรัพย์ เป็นแม่เหล็กเรียกคะแนนจากฐานอนุรักษนิยม–ความมั่นคง ขณะเดียวกันกลับเปิดทางให้ คริส โปตระนันทน์ และแกนนำสายเดิมจากเครือข่ายเส้นด้าย มีโอกาสเข้าสภาอย่าง “การันตี”
สูตรนี้จึงถูกมองได้สองด้าน ด้านหนึ่งคือการแบ่งบทบาทกันทำงาน อีกด้านกลับถูกตั้งคำถามว่าเป็นการ “สับขาหลอก” ผู้เลือกตั้ง ผลที่ตามมาอาจไม่ใช่แค่เสียงวิจารณ์ในโลกออนไลน์ แต่คือความรู้สึกของฐานมวลชนบางกลุ่มที่เริ่มลังเลว่าพรรคกำลังสื่อสารตรงไปตรงมาหรือไม่
สิ่งที่พรรคกำลังพยายามทำ
ในเชิงยุทธศาสตร์ พรรคเลือกดันพลเอก รังษี ขึ้นเป็นหน้าเศรษฐกิจและความมั่นคงในระดับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ใช้พื้นที่สื่อ โทรทัศน์ และเวทีดีเบต สร้างภาพ “ผู้นำชาติ” เพื่อโกยคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ในภาพรวมประเทศ ขณะเดียวกัน การวางคริสไว้ในลำดับที่ 1 ของบัญชีรายชื่อ หมายความว่า หากพรรคได้เพียง 1 ที่นั่ง คนที่ได้เข้าสภาแน่นอนคือคริส ไม่ใช่หัวหน้าพรรคหรือแคนดิเดตนายกฯ
นี่คือจุดที่ทำให้เกิดคำถามสำคัญ เพราะตามตรรกะการเมืองทั่วไป ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นผู้นำรัฐบาล มักถูกวางตำแหน่งให้ “เข้าได้แน่” เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้เลือกตั้ง แต่กรณีนี้ พรรคกลับเลือกเส้นทางที่ตรงข้าม
เหตุใดจึงถูกมองว่า “แทงกั๊ก”
เสียงวิจารณ์จากหลายสำนักและในโซเชียลมีเดีย ชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่า พรรคกำลังใช้ภาพของพลเอก รังษี ดึงคะแนนจากฝั่งขวา–อนุรักษนิยม แต่จัดลำดับบัญชีรายชื่อให้กลุ่มเส้นด้ายและสายเสรีนิยมได้เปรียบในทางปฏิบัติ ภาพที่ถูกพูดถึงบ่อยคือ “ดันลุงรังษีออกหน้า แต่เปิดทางให้ทีมเดิมเข้าไปนั่งในสภา”
ความคลุมเครือนี้กระทบความรู้สึกของผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มที่ให้คุณค่ากับความชัดเจน ความตรงไปตรงมา และบทบาทของผู้นำด้านความมั่นคงอย่างจริงจัง
คำอธิบายจากฝั่งพรรค กับการสื่อสารที่ยังไม่จบ
ฝั่งพรรคและตัวพลเอก รังษี อธิบายตรงกันว่า การอยู่ลำดับที่ 10 เป็น “การตัดสินใจส่วนตัว” เพื่อทุ่มเวลาให้กับงานบริหารและ “โปรเจกต์ใหญ่ของชาติ” มากกว่าการนั่งทำหน้าที่นิติบัญญัติ พร้อมย้ำว่าเป็นการวัดใจกันไปเลยว่าประชาชนให้ความไว้วางใจพรรคมากเพียงใด
คำอธิบายนี้พยายามสร้างภาพของการเสียสละ ไม่ยึดติดเก้าอี้ ส.ส. และพร้อมทำงานในบทบาทบริหารหากได้รับโอกาส แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็ยิ่งตอกย้ำว่า บทบาทในสภาจะตกอยู่กับคริสและทีมเส้นด้ายอย่างเต็มตัว หากคะแนนไม่ถึงจุดที่พาแคนดิเดตนายกฯ เข้าสภาได้
ผลได้และความเสี่ยงที่ต้องชั่งน้ำหนัก
หากพรรคได้คะแนนถึงลำดับ 10 ขึ้นไป ภาพที่พรรคหวังคือการมีทั้งผู้นำสายทหาร–ความมั่นคง และนักการเมืองสายเศรษฐกิจ–เสรีนิยม ทำงานคู่กันในสภา ซึ่งจะกลายเป็นภาพผสมที่แตกต่างจากพรรคอื่นอย่างชัดเจน อีกทั้งกระแส “ทำไมรังษีอยู่อันดับ 10” ก็ทำหน้าที่เป็นไวรัล สร้างการรับรู้ชื่อพรรคและเบอร์เลือกตั้งได้โดยแทบไม่ต้องลงทุนซื้อสื่อเพิ่ม
แต่ในทางกลับกัน หากคะแนนไม่ถึง จุดเปราะจะปรากฏทันที เพราะภาพการเมืองจริงในสภาจะเอียงไปทางกลุ่มเส้นด้ายมากกว่าฐานความมั่นคงที่ถูกใช้เป็นหัวใจการหาเสียง คำถามเรื่องความตรงไปตรงมาอาจกัดกร่อนความเชื่อใจของฐานอนุรักษนิยม ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้ราคากับความชัดเจนมากกว่ากลยุทธ์ซับซ้อน
เกมสองชั้นของพรรคเศรษฐกิจจึงเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงในเวลาเดียวกัน หากสำเร็จ พรรคจะได้ภาพลักษณ์ใหม่ที่ผสานความมั่นคงกับเศรษฐกิจ แต่หากพลาด ความรู้สึก “ถูกหลอกใช้” ของผู้เลือกตั้งบางกลุ่ม อาจกลายเป็นต้นทุนทางการเมืองที่ต้องจ่ายแพงกว่าที่คิด ในสนามเลือกตั้งที่ความเชื่อใจมีค่าไม่แพ้คะแนนเสียง.
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
