ตัวเงินตัวทองคาบศพทารก ปมซับซ้อนของสังคม ที่ถูกเปิดโปงโดยสัตว์

กลางซอยกิ่งแก้ว 28 ในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่า พบตัวเงินตัวทองคาบสิ่งของบางอย่างเข้าไปใต้ตึกร้าง เมื่อเข้าตรวจสอบก็พบว่า สิ่งที่ถูกคาบคือศพของทารกเพศชายที่เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2-3 วัน
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างความตกใจให้กับผู้พบเห็น หากแต่ทิ้งคำถามไว้มากมายว่า ทำไมจึงไม่มีใครรู้ว่ามีทารกคนหนึ่งเกิดขึ้นและจากไปโดยไร้ร่องรอย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ใช่เพื่อนบ้าน ไม่ใช่ระบบสาธารณสุข แต่เป็นสัตว์ที่พบก่อน
ตัวเงินตัวทอง สัตว์เลื้อยคลานที่ทำตามบทบาทของมัน
ในสายตาของคนเมือง ตัวเงินตัวทองอาจเป็นภาพคุ้นตาในสวนสาธารณะหรือชานเมือง แต่บทบาทของมันในห่วงโซ่อาหารคือ “ผู้จัดการซาก” สัตว์ชนิดนี้สามารถดมกลิ่นซากสิ่งมีชีวิตได้จากระยะไกล และเข้าไปกำจัดเศษซากเหล่านั้นอย่างเป็นธรรมชาติ
มันไม่ได้เลือกว่าซากนั้นจะเป็นหมา แมว หรือมนุษย์ เพราะหน้าที่ของมันคือการทำความสะอาดโลกจากสิ่งที่ตายไปแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง การที่สัตว์ต้องมาทำหน้าที่จัดการศพมนุษย์ กลับกลายเป็นคำถามทางสังคมอย่างลึกซึ้ง ว่าระบบใดกันที่ปล่อยให้ชีวิตเล็กๆ หนึ่งชีวิตจบลงในพื้นที่รกร้างโดยไม่มีใครรับรู้
ปัญหาซับซ้อนที่ไม่มีใครพูดถึง
เราไม่อาจฟันธงได้ว่าเหตุใดศพทารกจึงไปอยู่ใต้ตึกในสภาพเช่นนั้น แต่อย่างน้อยสิ่งที่เกิดขึ้นเปิดให้เห็นถึงปมปัญหาซ้อนทับหลายระดับ ทั้งในมิติของสุขภาพ สิทธิผู้หญิง ความยากจน พื้นที่เมือง และระบบสวัสดิการที่ยังไม่ทั่วถึง
แม่ของทารกคนนั้นอาจเป็นหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม หญิงต่างด้าวไร้เอกสาร แม่วัยรุ่นที่กลัวการถูกตีตรา หรือใครสักคนที่กำลังตกอยู่ในความเงียบของเมืองที่ไม่เปิดพื้นที่ให้เธอร้องขอความช่วยเหลือ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ซึ่งมีมากถึง 16 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 25 ของประชากรไทยทั้งหมด ยังมีจำนวนไม่น้อยที่เข้าไม่ถึงบริการด้านอนามัยเจริญพันธุ์อย่างมีคุณภาพ
ข้อมูลจากกรมอนามัยระบุว่า ในประเทศไทยมีผู้หญิงทำแท้งโดยประมาณ 300,000 รายต่อปี โดยมีอัตราการเสียชีวิตจากการแท้งไม่ปลอดภัยถึง 300 ต่อ 100,000 ราย กลุ่มเสี่ยงที่สุดคือหญิงสาวที่อยู่ในภาวะเปราะบาง ไม่มีสถานะทางทะเบียน หรือไม่มีข้อมูลอยู่ในระบบบริการสุขภาพ เมื่อการตั้งครรภ์ไม่ได้รับการดูแลตั้งแต่ต้น ความเสี่ยงต่อการเกิดผลลัพธ์ร้ายแรงก็ยิ่งสูงขึ้น
แม้จะมีอัตราการคุมกำเนิดในหญิงวัยเจริญพันธุ์อยู่ที่ร้อยละ 75 แต่สัดส่วนแพทย์สูตินรีเวชในไทยกลับยังอยู่ที่ 1 ต่อ 19,600 ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งหมายถึงโอกาสในการเข้าถึงคำปรึกษาหรือบริการที่เหมาะสมยังมีข้อจำกัด โดยเฉพาะในต่างจังหวัดหรือในกลุ่มหญิงแรงงานนอกระบบและหญิงข้ามชาติ
ขณะที่อัตราการคลอดของวัยรุ่นต่ำกว่า 20 ปีในไทยยังอยู่ในระดับสูง โดยในปี 2551 อยู่ที่ 50.5 ต่อ 1,000 ราย แม้มีแนวโน้มลดลง แต่ยังสะท้อนความจำเป็นในการเข้าถึงข้อมูล การสนับสนุนทางจิตใจ และความปลอดภัยในการตั้งครรภ์ที่เพียงพอและไม่ถูกตัดสิน
ค่าใช้จ่ายของรัฐในการรักษาผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนจากการแท้งในปี 2552 อยู่ที่กว่า 123 ล้านบาท ยังไม่นับรวมมูลค่าความสูญเสียทางจิตใจ อวัยวะ และความสามารถในการทำงานของผู้หญิงที่ถูกทิ้งให้อยู่ลำพังในสถานการณ์ที่ยากเกินรับมือ
ในโครงสร้างสังคมที่ยังมีรอยปริแตกมากมาย หญิงตั้งครรภ์ที่ไม่มีเสียงจึงอาจไม่สามารถหาทางออกใดได้เลย นอกจากการเก็บซ่อนตัว และหายไปในเมืองที่ไม่มีใครเงี่ยหูฟัง
พื้นที่เสื่อมโทรม ไม่ใช่แค่เรื่องกายภาพ
เหตุเกิดในตึกร้าง พื้นที่รกร้าง แหล่งขยะ หรือริมคลองเหล่านี้ไม่ใช่แค่จุดที่สัตว์อาศัยอยู่ได้ง่าย แต่ยังเป็นจุดที่ชีวิตของมนุษย์บางกลุ่มไปสิ้นสุดอยู่ตรงนั้นเช่นกัน
มันคือพื้นที่ที่ไม่มีไฟ ไม่มีคน ไม่มีการลาดตระเวน ไม่มีบริการสุขภาพ ไม่มีศูนย์พักพิง และที่สำคัญที่สุด ไม่มีการมองเห็นจากระบบรัฐ
การวางแผนเมืองจึงไม่ใช่แค่การสร้างถนน สร้างสะพาน แต่คือการสร้างความปลอดภัยและการเข้าถึงสำหรับผู้คนทุกสถานะ โดยเฉพาะผู้ที่อ่อนแอที่สุด
เมื่อสัตว์ต้องเป็นผู้เปิดโปงความจริง
การที่ตัวเงินตัวทองเป็นผู้คาบศพออกมาจากใต้ตึก ไม่ใช่เพียงเรื่องของธรรมชาติ แต่คือสัญญาณทางสังคมว่าช่องว่างระหว่างมนุษย์กับระบบกำลังถ่างกว้างขึ้น
มันไม่ได้เพียงคาบร่างของเด็กออกมาจากความมืด แต่คือการลากเอาความจริงที่ถูกปกปิดไว้ในซอกหลืบของเมืองให้ออกมาอยู่กลางสายตา
นั่นคือความจริงที่ว่า เมืองไทยยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ระบบไม่เคยเห็น พวกเขาไม่มีชื่อ ไม่มีเอกสาร ไม่มีเสียง ไม่มีความช่วยเหลือ และบางครั้ง แม้แต่การมีชีวิตอยู่ของพวกเขาก็ไม่เคยถูกนับ
คำถามที่สังคมต้องไม่เบือนหน้า
เราต้องหยุดถามแค่ว่า “ใครเป็นคนทำ” แต่ต้องเริ่มถามว่า “ระบบช่วยเหลืออยู่ที่ไหนตอนชีวิตหนึ่งต้องเกิดในความเงียบ” หากแม่ของเด็กขอความช่วยเหลือได้ จะมีใครฟังหรือไม่ ถ้ามีศูนย์รับแจ้งตั้งครรภ์ไม่พร้อมที่เข้าถึงง่ายโดยไม่ต้องระบุตัวตน สถานการณ์จะต่างออกไปหรือไม่
หากพื้นที่เสื่อมโทรมถูกดูแล ตรวจตรา และเชื่อมโยงกับระบบสาธารณสุข การพบเจอศพจะไม่เกิดจากสัตว์ แต่เป็นจากมนุษย์ที่เห็นค่าของชีวิตก่อนมันสายไป