KTC แนะ “ถือ” เป้า 32 บาท ปรับประมาณการลงจากค่าใช้จ่ายสำรองที่เพิ่มขึ้น หลังตัดหนี้สูญได้เร็ว
ทันหุ้น -สู้โควิด –บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบถึงบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ว่า มีมุมมองเป็นลบเล็กน้อยต่อการประชุมนักวิเคราะห์ในวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ก.ย.63) จากค่าใช้จ่ายสำรองฯจะเพิ่มขึ้นภายหลังที่บริษัทสามารถตัดจำหน่ายหนี้สูญตาม TFRS9 ได้เร็วขึ้น โดยมีประเด็นสำคัญ คือ
1.คาดการใช้จ่ายผ่านบัตรปี 2020 จะทรงตัวจากปีก่อน (เดิมบริษัทตั้งเป้าก่อน COVID-19 ที่ +15% YoY) โดยการใช้จ่ายผ่านบัตรเดือน ส.ค. 2020 เริ่มดีขึ้น และหดตัวลดลงที่ -0.4% YoY จาก 1H20 ที่ -9.6% YoY หนุนโดยการใช้จ่ายกลุ่ม Online ที่ขยายตัว +40% YoY โดยเฉพาะกลุ่ม Non-travel online ขยายตัวสูงถึง +70% YoY ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยน และกลุ่ม Insurance ที่กลับมาจ่ายค่ากรมธรรม์ภายหลังการสิ้นสุดระยะเวลาช่วยเหลือของ คปภ. 6 เดือน
2. Loan growth ปี 2020 จะทรงตัว จาก Approval rate ของสินเชื่อที่ลดลง (Credit card ลดเป็น 30% จาก 40%, P.loan ลดเป็น 19% จาก 30%) เพื่อลดความเสี่ยงจากการดำเนินงานภายหลังที่อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อ Credit card และ P.loan ลดลงตั้งแต่เดือน ส.ค. นอกจากนี้บริษัทจะเพิ่มการปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกัน (พี่เบิ้ม) เพิ่มขึ้น
3. คาดรายได้ดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมจะลดลงประมาณเดือนละ 100 ล้านบาท จากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รอบ 2 ของธปท. ที่ปรับลดดอกเบี้ยลง 2-3% ตั้งแต่เดือน ส.ค. และ
4).NPLs จะลดลงเป็น 4-4.5% และค่าใช้จ่ายสำรองฯจะเพิ่มขึ้น ภายหลังที่ Auditor เห็นชอบกับการที่บริษัทจะตัดจำหน่ายหนี้สูญเร็วขึ้นตั้งแต่เดือน ส.ค. โดยจะตัดจำหน่ายหนี้สูญเมื่อค้างชำระติดต่อกัน 6 งวดเร็วจาก 1H20 ที่ตัดจำหน่ายเมื่อค้างชำระติดต่อกัน 24 งวด ทั้งนี้บริษัทคาดว่า LLR/Loan จะยังอยู่ที่ 10-11% (ใกล้เคียงกับ 2Q20 ที่ 10.4%)
ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2020E/21E ลงปีละ -2%/-6% อยู่ที่ 5.22 พันล้านบาท (-6% YoY) และ 5.65 พันล้านบาท (+8% YoY) จาก 1) เพิ่ม Credit cost เป็น 686/621 bps (เดิม 579/482 bps), 2) NPLs ลดลงเป็น 5.0%/4.5% (เดิม 8.2%/12.7%) และ 3) เพิ่มรายได้หนี้สูญรับคืนเป็น 2.96/2.52 พันล้านบาท (เดิม 2.07/1.57 พันล้านบาท) โดยเป็นผลของการตัดจำหน่ายหนี้สูญที่เร็วขึ้น ที่ทำให้ NPLs ปรับตัวลง, ค่าใช้จ่ายสำรองฯเพิ่มขึ้น และเพิ่มโอกาสที่บริษัทจะมีรายได้จากการติดตามหนี้สูญในอนาคตได้เพิ่มขึ้น
คาดกำไรสุทธิ 3Q20E ที่ 1.21 พันล้านบาท (-6% YoY, +5% QoQ) โดยลดลง YoY จาก 1) NIM ลดลงเป็น 9.7% จาก 3Q19 ที่ 10.0% จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ Credit card เป็น 16% จาก 18% และสินเชื่อ P.loan เป็น 25% จาก 28% ตั้งแต่เดือน ส.ค. และ 2) ค่าใช้จ่ายสำรองฯ เพิ่มขึ้น 3% จาก LLR/Loan ที่เพิ่มขึ้นเป็น 10.4% (3Q19 = 6.9%) ภายหลังการใช้ TFRS9 ในขณะที่กำไรสุทธิ 3Q20E ขยายตัว +5% QoQ จาก 1) สินเชื่อขยายตัว +4% QoQ จากการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ดีขึ้น +29% QoQ หรือทรงตัว YoY ภายหลังการคลาย lock down ตั้งแต่ปลาย 2Q20 และ
2) ค่าใช้จ่ายสำรองฯลดลง -18% QoQ จากไม่มีการตั้งสำรอง Management overlay เหมือน 2Q20 อยู่ที่ 500 ล้านบาท
ราคาเป้าหมาย 32.00 บาท อิง 2020E PBV ที่ 3.6x (5-yr average PBV) โดยประเมินว่าผลการดำเนินงานในระยะยาวจะได้รับแรงกดดันจาก NIM ที่ลดลง ภายหลังการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ ส.ค. 2020 และ LLR/Loan ที่อยู่ระดับสูง (10-11% จากอดีตที่ 7-8%) ภายใต้การบังคับใช้ TFRS9 ทำให้ผลการดำเนินงานในระยะยาวจะอยู่ที่ 2019-2021E EPS CAGR +1% และ ROAE ที่ปรับลดลงเป็น 25% จากปีก่อน 31%
อยากลงทุนสำเร็จ เป็นเพื่อนกับเรา พร้อมรับข่าวสารได้ทุกช่องทางที่
APP ทันหุ้น ANDROID คลิ๊ก https://qrgo.page.link/US6SA
APP ทันหุ้น IOS คลิ๊ก https://qrgo.page.link/QJKT7
LINE@ คลิ๊ก https://lin.ee/uFms4n5
FACEBOOK คลิ๊ก https://www.facebook.com/Thunhoonofficial/
YOUTUBE คลิ๊ก https://www.youtube.com/channel/UCYizTVGMealUUalT6VdUdNA
TELEGRAM คลิ๊ก https://t.me/thunhoon_news
Twitter คลิ๊ก https://twitter.com/thunhoon1