รีเซต

เคทีซีเจาะกลุ่มลัคซ์ชัวรี่ หวังยอดใช้จ่ายบัตรโตตามเป้าร้อยละ10

เคทีซีเจาะกลุ่มลัคซ์ชัวรี่ หวังยอดใช้จ่ายบัตรโตตามเป้าร้อยละ10
TNN ช่อง16
31 กรกฎาคม 2568 ( 15:54 )
17

นางประณยา นิถานานนท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต KTC เปิดเผยว่า ภาพรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 เติบโตร้อยละ 4.4 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่เติบโตเพียงร้อยละ 1.2 แม้จะเผชิญกับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง ทั้งจากปัญหาในประเทศและสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศ ไทย-กัมพูชา ภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยตรง

อย่างไรก็ตาม KTC ยังคงเป้าหมายการเติบโตเดิมไว้ที่ร้อยละ 10 โดยมีความหวังจากการวางกลยุทธ์เน้นเจาะตลาดลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตเกินกว่าร้อยละ 10 ด้วยพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะอ่อนแรง การจับมือกับพันธมิตรธุรกิจหลากหลายอุตสาหกรรมถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในครึ่งปีหลัง เพื่อขยายฐานลูกค้าร่วมกัน โดยเชื่อว่าแต่ละธุรกิจมีฐานลูกค้าเฉพาะที่สามารถต่อยอดได้


เกาะพฤติกรรมลูกค้ากำลังซื้อสูง ดันรายได้โต

ปัจจุบัน KTC มีฐานผู้ถือบัตรราว 2.8 ล้านใบ โดยบริษัทเน้นย้ำความสำคัญในการรักษาฐานลูกค้าปัจจุบันควบคู่กับการขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างสมดุล พร้อมส่งเสริมให้เกิดการใช้จ่ายที่มีคุณภาพ ไม่ใช่การกระตุ้นการบริโภคเกินความจำเป็น ทั้งนี้ บริษัทสามารถควบคุมระดับหนี้เสีย (NPL) ได้ดี โดยอยู่ในช่วงร้อยละ 1.1-1.2 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม

ปัจจุบันสมาชิกเคทีซีที่มีรายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป คิดเป็นร้อยละ 20 ของพอร์ต สร้างยอดใช้จ่ายรวมถึงร้อยละ 40 ของยอดใช้จ่ายทั้งหมด ขณะที่กลุ่มรายได้มากกว่า 100,000 บาทต่อเดือน มีอยู่ประมาณร้อยละ 7-8 และมีสัดส่วนการใช้จ่ายถึงร้อยละ 20 โดยหมวดการใช้จ่ายหลักของกลุ่มนี้ ได้แก่ ประกันภัย การท่องเที่ยว การดูแลสุขภาพ รวมถึงการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งสะท้อนว่าผู้บริโภคยังคงใช้จ่ายในสิ่งจำเป็นควบคู่กับกิจกรรมที่เติมเต็มคุณภาพชีวิต แม้จะระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น โดยยังมีแนวโน้มเชิงบวกในหมวดร้านอาหารและท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่ส่งผลต่อทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง

พันธมิตรกลุ่มลัคซ์ชัวรี่ร่วมรุกการใช้จ่าย

พร้อมเดินหน้าร่วมพันธมิตรธุรกิจหลากหลายเพื่อเจาะตลาดกลุ่มนี้ให้ลึกขึ้น โดย ONESIAM ซึ่งบริหารศูนย์การค้าระดับไฮเอนด์อย่างสยามพารากอน และไอคอนสยาม มองเห็นโอกาสสร้างนิยามใหม่ของ ‘New Luxury’ ผ่านประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ทั้งจริยธรรม ความเป็นตัวตน และความหายาก

ในฝั่งของ แบรนด์ระดับโลกอย่าง Ferrari ก็ย้ำจุดยืนว่า ลูกค้ากลุ่ม High Net Worth ต้องการมากกว่าความหรูหราภายนอก แต่คือประสบการณ์ที่สะท้อนแรงบันดาลใจและการดูแลอย่างใกล้ชิด จึงลงทุนทั้งโชว์รูม Pre-owned และกิจกรรมระดับโลกเพื่อลึกซึ้งความสัมพันธ์ระยะยาว 

ในขณะที่ Jubilee Diamond แบรนด์เพชรอันดับหนึ่งของไทย ก็เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน ด้วยการเน้นบริการเฉพาะบุคคล งานดีไซน์ที่สะท้อนตัวตน และคุณภาพที่ตอบโจทย์ทั้งอารมณ์และเหตุผล

ภาพรวมทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคกลุ่มลักซ์ชัวรีไม่ได้มองหาความหรูหราเพียงภายนอกอีกต่อไป แต่ต้องการ “ความหมาย” ที่สอดคล้องกับตัวตน ความคุ้มค่า และประสบการณ์ที่แตกต่าง นี่คือจุดร่วมสำคัญที่ทุกแบรนด์ต่างกำลังปรับตัวเพื่อเชื่อมโยงกับลูกค้าอย่างลึกซึ้งและยั่งยืนในระยะยาว

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง