รีเซต

อัปเดตข่าว "น้ำมันดิบรั่วมาบตาพุด" เช็กสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพ หากได้รับผลกระทบ แจ้งเยียวยาที่ไหน

อัปเดตข่าว "น้ำมันดิบรั่วมาบตาพุด" เช็กสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพ หากได้รับผลกระทบ แจ้งเยียวยาที่ไหน
Ingonn
31 มกราคม 2565 ( 13:00 )
408
อัปเดตข่าว "น้ำมันดิบรั่วมาบตาพุด" เช็กสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพ หากได้รับผลกระทบ แจ้งเยียวยาที่ไหน

อัปเดตข่าว "น้ำมันดิบรั่วมาบตาพุด" หลังจากที่เกิดการรั่วไหลของน้ำมันดิบ ของบริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่ทำให้คราบน้ำมันกระจายไปไกลถึงแหล่งท่องเที่ยวอย่าง "หาดแม่รำพึง" จ.ระยอง และได้รับผลกระทบทางสุขภาพต่อชาวบ้าน สัตว์ทะเล สิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ล่าสุดทาง SPRC ได้ออกแถลงการณ์พร้อมรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งระยะสั้น และระยะยาว

 

วันนี้ TrueID จึงมาสรุปมาตรการแก้ไขปัญหา "น้ำมันดิบรั่วมาบตาพุด" ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง กลายเป็นคราบน้ำมัน ลอยไกลถึง หาดแม่รำพึง ระยอง และช่องทางติดต่อแจ้งเยียวยา พร้อมเช็กอาการเสี่ยงหลังสูดดมน้ำมันดิบในทะเล เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันตัวเองต่อไป

 

SPRC ออกแถลงการณ์พร้อมเยียวยา ผลกระทบน้ำมันรั่ว

บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 8 กรณีพบน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ระบุว่า ตามที่บริษัทฯ แจ้งเหตุน้ำมันดิบรั่วบริเวณทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเล หรือจุดขนถ่ายน้ำมันในทะเล (SPM) ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งท่าเรือมาบตาพุด ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 20 กิโลเมตร เมื่อเวลา 21.06 น. ของวันที่ 25 ม.ค. 65

 

บริษัทฯ ได้ดำเนินการภายใต้การบัญชาการของ ศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ (ตอปน.ทร.) โดยได้ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการขจัดคราบน้ำมัน ณ บ้านสบาย สบาย ต.ตะพง อ.เมือง จ.ระยอง บริษัทฯ ได้รับความสนับสนุนอย่างเป็นอย่างดีทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน

 

วันนี้ (30 ม.ค. 65) บริษัทฯ ได้มีการดำเนินการและแผนป้องกัน ดังนี้

 

การปฏิบัติการทางทะเล

  1.  ยังคงมีการใช้เรือในการวางทุ่นกักน้ำมัน (boom) ในทะเลเพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของน้ำมันเข้าพื้นที่ชายฝั่ง

 

การปฏิบัติการทางชายฝั่ง

  1. มีการใช้แผ่นซับน้ำมัน (absorbent sheet) มาใช้ในการดูดซับน้ำมันได้มากยิ่งขึ้น และพบว่าปริมาณคราบน้ำมันได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
  2. มีการใช้ vacuum truck เพื่อดูดน้ำมันบริเวณที่มีคราบน้ำมันหนาแน่น
  3. มีการระดมเครื่องมือดักคราบน้ำมันเพื่อช่วยเหลือในการเข้ามาทำความสะอาดชายหาดเพิ่มเติม
  4. ได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญและผู้มีประสบการณ์เพื่อให้การขจัดคราบน้ำมันครั้งนี้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ด้านการเยียวยา

บริษัทฯ ยินดีที่จะรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งระยะสั้น และระยะยาว โดยจะเปิดรับเรื่องร้องเรียนสำหรับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน และจะร่วมมือกับทางจังหวัดในการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียน และทำงานร่วมกันเพื่อให้สามารถจัดการเยียวยาได้อย่างรวดเร็ว โดยสามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 038-699-881

 

ยืนยันว่าจะดำเนินการปฏิบัติงานในการขจัดคราบน้ำมันด้วยความปลอดภัย และขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและจะดำเนินการเพื่อขจัดคราบน้ำมันให้ได้มากที่สุด เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลรวมถึงชายฝั่ง

 

สำหรับการดำเนินงานของโรงกลั่นน้ำมัน บริษัทฯ ยังสามารถเดินเครื่องด้วยความปลอดภัย หากมีความคืบหน้า จะรายงานสถานการณ์ให้ทราบเป็นระยะจนกว่าสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ

 

จับตา "หาดแม่รำพึง" หลังน้ำมันรั่วทะเลระยอง

ขณะที่ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รมช. สาธารณสุข ลงพื้นที่บริเวณหาดแม่รำพึง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เพื่อติดตามการปฎิบัติการเก็บกู้คราบน้ำมันจำนวนมาก ออกจากบริเวณชายหาดแม่รำพึง โดยได้มีการพูดคุยกับ เจ้าหน้าที่ของ SPRC โดยเฉพาะในเรื่องของอันตรายที่อาจจะเกิดจากน้ำมัน 


ทาง SPRC บอกว่า น้ำมันดิบล็อตที่เกิดเหตุเป็นน้ำมันที่นำเข้ามาจากตะวันออกออกกลาง มีปริมาณสารปรอทน้อยกว่าที่อื่น แต่จะมีการปนเปื้อนพวกสารแคทเมียม นิกเกิ้ล ซึ่งจะต้องมีการติดตามว่าจะมีการตกค้างหรือส่งผลกระทบหรือไม่ อย่างไร สำหรับในจุดที่มีการเกิดเหตุรั่วไหล ขณะที่ทางบริษัท  SPRC ได้ให้นักประดาน้ำ ดำเนินการซีลด้วยเทป พันบริเวณจุดที่รั่วไหลไว้เรียบร้อยแล้ว มั่นใจว่าไม่มีการรั่วไหลเพิ่มเติม ซึ่งหลังได้รับการอนุมัติจากกรมควบคุมมลพิษ ก็จะดำเนินการถอด และยกขึ้นมาตรวจสอบบนฝั่งอีกครั้ง 


สำหรับท่อในจุดเกิดเหตุ เป็นท่อขนาด 48 นิ้ว ความยาว 20 กิโลเมตร ส่วนปริมาณน้ำมันดิบที่รั่วไหลออกมานั้น ยังเป็นตัวเลขที่เกิดจากการประเมิน เมื่อเทียบกับสารดีสเพอร์แซ้นส์ที่นำมาใช้ในการสลายคราบน้ำมัน แต่ยังไม่สามารถระบุจำนวนที่แท้จริงได้ สำหรับตัวเลขแรกที่หลุดออกไปว่า 4 แสนลิตร ยังไม่ทราบว่าหลุดออกไปได้อย่างไร เนื่องจากในประกาศฉบับแรก รวมถึงหนังสือที่ขอใช้สารดีสเพอร์แซ้นส์ จำนวน 4 หมื่นลิตร ระบุเพียงว่าเป็นน้ำมันดิบจำนวนหนึ่งเท่านั้น ส่วนตัวเลข 1.6 แสนลิตร ก็ยังเป็นตัวเลขที่เกิดจากการประมาณการณ์และเทียบกับส่วนต่าง ๆ เท่านั้น ซึ่งก็ยังมีความคลาดเคลื่อนอยู่ แต่ก็ใกล้เคียงที่สุด

 

รัฐบาลจะตั้งกรรมการดูแล ทั้งการสอบสวนสาเหตุ มูลค่าความเสียหาย และมาตรการในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ในด้านของการเยียวยา ยืนยันว่าบริษัท SPRC ต้องรับผิดชอบทั้งหมดในทุกมิติทุกกรณี รมช.สธ. ได้พูดคุยให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้คราบน้ำมัน แต่ก็ยังมีความเป็นห่วงเรื่องของมวลน้ำมันขนาดใหญ่ที่ยังลอยอยู่กลางทะเลห่างฝั่งไม่ไกล ซึ่งจะต้องมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ยืนยันทุกหน่วยงานจะดำเนินการให้ดี และอย่างรวดเร็วที่สุด

 

แถลงการณ์บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน)

 

เช็กสัญญาณอันตรายต่อสุขภาพ จากการสูดดมน้ำมันดิบ

กรมอนามัย  พบว่า ในเบื้องต้นพบคราบน้ำมันดิบบริเวณหาดแม่รำพึง (ลานหินดำ) และในพื้นที่มีสถานประกอบการ 15 แห่ง ตลาดแพปลาประมงพื้นบ้าน 3 แห่ง ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมีในสิ่งแวดล้อม หากมีการสัมผัสหรือเข้าสู่ร่างกาย โดยแบ่งผลกระทบสุขภาพออก ดังนี้

ผลกระทบต่อสุขภาพแบบเฉียบพลัน

  1. หายใจลำบาก
  2. ปวดศีรษะ
  3. คลื่นไส้
  4. อาเจียน
  5. ผู้มีอาการภูมิแพ้ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ก็จะทำให้มีอาการรุนแรงมากขึ้นได้
  6. หากมีการสัมผัสทางดวงตาและผิวหนังโดยตรง อาจส่งผลให้ทำให้เกิดการระคายเคือง

 

ผลกระทบแบบเรื้อรัง และระยะยาว

หากได้รับสารพิษในปริมาณความเข้มข้นเกินมาตรฐาน และได้รับเป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อระบบไต ตับ ระบบทางเดินอาหาร ระบบสืบพันธุ์ ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบประสาท และในกรณีที่มีการกินอาหารทะเลที่มีสารปนเปื้อนสารโลหะหนักที่เกินค่ามาตรฐาน ในระยะยาวมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้

 

แนวทางปฏิบัติสำหรับประชาชน เมื่อพบน้ำมันดิบรั่วในทะเล

  1. ติดตามสถานการณ์และปฏิบัติตามคำแนะนำจากหน่วยงานรัฐในพื้นที่
  2. หากได้รับผลกระทบจากกลิ่นน้ำมันรั่วในพื้นที่ ให้สวมหน้ากากป้องกันสารเคมีตลอดเวลา
  3. หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำทะเลในบริเวณที่พบการปนมิ้อนของคราบน้ำมัน
  4. หลีกเลี่ยงการจับสัตว์ทะเลในพื้นที่ที่มีการรั่วไหลของน้ำมันดิบ
  5. สังเกตความผิดปกติของอาหารทะเล หากมีลักษณะ กลิ่น หรือมีคราบน้ำมันไม่ควรนำไปบริโภค
  6. ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์และกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง ต้องเฝ้าระวังผลกระทบจากการสัมผัสสารเคมีอย่างใกล้ชิด

 

กรณีน้ำมันดิบรั่วไหลในทะเล ประชาชนควรติดตามสถานการณ์และปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานรัฐอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่สัมผัสคราบน้ำมัน ควรรีบล้างด้วยสบู่และน้ำสะอาดทันที หากมีอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ หายใจลำบาก ควรรีบพบแพทย์

 

 

ข้อมูลจาก แถลงการณ์บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) , กรมประชาสัมพันธ์ , กรมอนามัย

 

 

 

 

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

 

ทุกประเด็นร้อนข่าวสาร สาระ ทันเหตุการณ์ พูดคุยกันได้ 24 ชม.

คลิกเลย >>> TrueID Community <<<

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง