"ซีเซียม-137" อัปเดตล่าสุด! จนท.ตรวจพบการปนเปื้อนในเตาหลอมโลหะ
สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ รายงานความคืบหน้าตรวจพบ "ซีเซียม-137" ปนเปื้อนในเตาหลอมโลหะ ในระดับต่ำ
สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) รายงานสถานการณ์และการปฏิบัติงานกรณีการปนเปื้อนวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในโรงงานหลอมโลหะ จังหวัดปราจีนบุรี การดำเนินการของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
1. กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์เกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137
2. สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจในการเฝ้าระวังและตอบสนองกรณีวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในพื้นที่เกิดเหตุ ณ จังหวัดปราจีนบุรี
การตรวจสอบและการตรวจวัดระดับปริมาณรังสีในพื้นที่โรงงานหลอมโลหะที่เกิดเหตุ สรุปดังนี้
1. เจ้าหน้าที่ ปส. ได้ตรวจสอบเตาหลอมเหล็กและระบบการจัดการฝุ่นเหล็กมีผลการตรวจสอบ ดังนี้
1.1) พบการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในเตาหลอมโลหะจำนวน 1 เตา จากเตาหลอมทั้งหมด 3 เตา ซึ่งผลการตรวจสอบพบการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในระดับต่ำ (ระดับรังสี 0.07- 0.10 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง) ในขณะที่เตาหลอมโลหะหมายเลข 1 และหมายเลข 2 ไม่พบการปนเปื้อนของวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137
1.2) ไม่พบการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในชิ้นส่วนอุปกรณ์ถ่ายเทน้ำเหล็ก (ระดับรังสี 0.03-0.05 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง)
1.3) พบการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในระบบการดูดฝุ่น (Dust Filter) และระบบกรองฝุ่น (อัตราปริมาณรังสีเท่ากับ 1.2-1.7 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง) และมีฝุ่นจำนวนหนึ่งที่อยู่ในระบบกรองฝุ่นโลหะปนเปื้อนซีเซียม-137 จากการหลอมโลหะเมื่อวันที่ 18-19 มีนาคม 2566 ซึ่งขณะนี้รอให้ฝุ่นปนเปื้อนดังกล่าวเย็นลงและเตรียมบรรจุลงในถุงขนาดใหญ่ จากนั้นจะนำไปจัดเก็บในอาคารเก็บฝุ่นแดงปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 รวมกับ 24 ถุงที่ตรวจสอบพบการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ก่อนหน้านี้
2. เจ้าหน้าที่ ปส. ได้ทำการตรวจวัดระดับปริมาณรังสีโดยใช้เครื่องสำรวจ และระบุชนิดสารกัมมันตรังสีบริเวณหน้าดินในพื้นที่โรงงานพบว่า ระดับปริมาณรังสีอยู่ในระดับเท่ากับระดับปริมาณรังสีในธรรมชาติ (0.03 – 0.05 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง)
การตรวจวัดปริมาณรังสีรอบในสิ่งแวดล้อม ดำเนินการดังนี้
1. ตรวจวัดระดับปริมาณรังสีโดยใช้เครื่องมือวัดทางรังสีและติดตั้งในรถยนต์ โดยตรวจวัดระดับปริมาณรังสีในพื้นที่โรงงานที่เกิดเหตุ ผลการตรวจสอบพบว่า ระดับรังสีที่ตรวจวัดได้อยูในระดับรังสีในธรรมชาติ
2. ตรวจวัดระดับปริมาณรังสีโดยรอบพื้นที่โรงงานที่เกิดเหตุ ผลการตรวจสอบพบว่าระดับรังสีที่ตรวจวัดได้อยูในระดับรังสีในธรรมชาติ
3. ตรวจวัดปริมาณรังสีในสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่รอบบริเวณโรงงาน ในรัศมีระยะทางประมาณ 3 กม.
3.1) พื้นที่บริเวณหมู่บ้านโคกกระท้อน ม.10 ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี
จ.ปราจีนบุรี
3.2) พื้นที่บริเวณหมู่บ้านซ่ง ม.3 ต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
3.3) พื้นที่บริเวณบ้านหาดสูง ม.2 ต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
3.4) พื้นที่บริเวณ อบต.หาดนางแก้ว ต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
แนวทางการตรวจวัดและประเมินค่า CS-137 ที่ได้รับเข้าสู่ร่างกาย ดังนี้
1. การคัดเลือกผู้เข้ารับการตรวจวัดและประเมินค่าปริมาณรังสีจากภายในร่างกาย โดยพิจารณาจากความเสี่ยงที่ได้รับด้วยการบันทึกข้อมูลรายละเอียดการได้รับรังสี
2. การตรวจวัดและประเมินค่าปริมาณรังสีเบื้องต้น ณ บริเวณจุดเกิดเหตุ แบ่งเป็น
2.1) การตรวจสอบการเปรอะเปื้อนจากภายนอกร่างกาย
2.2) การตรวจวัดรังสีแกมมาด้วยเครื่องวัดรังสีที่อวัยวะแบบเคลื่อนย้ายได้
3. การยืนยันการได้รับรังสี โดยดำเนินการเก็บตัวอย่างจากปัสสาวะของกลุ่มเสี่ยงตามแนวทางการเก็บโดยกำหนดเวลา 24 ชม. แล้วนำมาตรวจวัดที่ห้องปฏิบัติการ ปส. ด้วยเครื่องวัดรังสีแกมมา
4. หากการได้รับรังสีปริมาณสูง ปส. จะประสานงานกับหน่วยงานด้าน Biodose เช่น โรงพยาบาลรามาธิบดี ในการการส่งต่อผู้ป่วยและวิเคราะห์ความผิดปกติของเซลล์ร่วมกัน
5. การติดตามผลกระทบที่เกิดจากการได้รับสารรังสีเป็นระยะ
ทั้งนี้ สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.oap.go.th/.../category-other-multimedia/9130-137