BMW ทดสอบติดตั้งกังหันลมไร้ใบพัด ผลิตไฟฟ้าเป็นครั้งแรกในอังกฤษ
บีเอ็มดับเบิลยู (BMW หรือ เบย์เอ็มเวย์ ตามการออกเสียงแบบภาษาเยอรมัน) ผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดัง ทดสอบติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากกังหันลมแบบไร้ใบพัดเป็นครั้งแรกในโรงงานของ มินิ (MINI) แบรนด์รถยนต์ในเครือของ BMW ที่เมืองออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ โดยเลือกใช้ระบบจากบริษัท เอโรไมน์ (Aeromine) สตาร์ตอัปด้านพลังงานลมจากสหรัฐอเมริกา
ข้อมูลกังหันลมไร้ใบพัดที่จะใช้กับโรงงาน BMW
ระบบดังกล่าวจะติดตั้งบนดาดฟ้าของโรงงานของมินิ ในเมืองออกซ์ฟอร์ด ตัวกังหันลมมีความสูงประมาณ 3 เมตร มีส่วนแกนกลางที่ซ่อนใบพัดด้านใน ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 91 เซนติเมตร รับลมผ่านช่องที่มีแผ่นรับลมขนาดใหญ่ คล้ายสปอยเลอร์ (Spoiler) ที่ติดส่วนหลังของรถยนต์จำนวน 3 แผ่น เรียงตัวในแนวตั้งตามแนวช่องลม
โดยการทำงานของกังหันลมแบบไร้ใบพัด จะใช้แผ่นรับลม สร้างความแตกต่างของแรงกดอากาศระหว่างอากาศที่ไหลผ่านระบบกังหันลมกับอากาศภายนอก จนเกิดเป็นกระแสลมเพื่อหมุนผ่านภายในแกนที่เป็นใบพัดด้านในอีกชั้น และหมุนปั่นแกนจนเกิดเป็นกระแสไฟฟ้าป้อนเข้าสู่ระบบต่อไป
ทั้งนี้ Aeromine มีจุดเด่นที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ต่อเนื่อง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างกระแสลมซึ่งมีส่วนช่วยในการระบายอากาศทางอ้อม และยังมีต้นทุนการบำรุงรักษาที่ต่ำเมื่อเทียบกับกังหันลมทั่วไป รวมถึงมีความเรียบง่าย สามารถติดตั้งกับดาดฟ้า หรือหลังคาของอาคาร พร้อมจ่ายกระแสไฟฟ้าร่วมกับระบบไฟฟ้าภายในอาคาร และระบบผลิตพลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่เดิมได้ด้วยเช่นกัน
เป้าหมายของ BMW ในการติดตั้งกังหันลมไร้ใบพัด
จากข้อมูลในปี 2022 ตามการรายงานของ TNN Tech ทาง Aeormine ระบุว่ากังหันลมแบบใหม่นี้ มีประสิทธิภาพมากกว่าการผลิตกระแสไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ร้อยละ 50 หรืออยู่ที่ประมาณ 5 กิโลวัตต์ ต่อ 1 เครื่อง ซึ่งคิดเป็น แผงโซลาร์เซลล์ 21 แผง หากต้องการผลิตกระแสไฟฟ้าในปริมาณที่เท่ากัน
อย่างไรก็ตาม การติดตั้งทดสอบดังกล่าวทาง BMW Group ไม่ได้ระบุจำนวนกังหันลมที่ติดตั้งทดสอบไว้ แต่เป้าหมายหลักคือการเสริมสัดส่วนการผลิตพลังงานหมุนเวียนในโรงงานที่ออกซ์ฟอร์ด เนื่องจากในปัจจุบันโรงงานแห่งนี้มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์รวมกว่า 11,000 แผง หรือคิดเป็นพื้นที่ 5 สนามฟุตบอลมาตรฐาน
ด้วยเหตุนี้ การทดสอบระบบใหม่ร่วมกับ Aeromine จึงเน้นไปที่การเสริมกำลังการผลิตไฟฟ้าในช่วงกลางคืนและฤดูหนาวของอังกฤษที่มีแสงน้อย เพื่อให้ BMW สามารถบรรลุเป้าหมายของบริษัทในการลดการปล่อยคาร์บอนในปี 2030 ได้ดียิ่งขึ้น
ข้อมูลจาก Interesting Engineering
ภาพจาก BMW Group